ตกขาว กินยาอะไร
ตกขาวกินยาอะไร ตัวช่วยง่ายๆสำหรับผู้ที่มีตกขาวเยอะกับผลิตภัณฑ์ที่น่าสนใจ
ตกขาว กินยาอะไร เพราะเราเข้าใจ ถึงปัญหาภายใน สุดลับของผู้หญิง ผู้หญิงจำนวนไม่น้อย ที่ต้องเจอกับปัญหา ช่องคลอดไม่กระชับ มีกลิ่นน้องสาว จนสามีเมิน ทำให้เกิดปัญหา เรื่องบนเตียง รวมไปถึงอาการตกขาว ที่มาไม่ปกติ และทรมานกับ อาการปวดท้อง ประจำเดือน ฮอร์โมนเปลี่ยนแปลง ได้ง่าย เดี๋ยวอารมณ์ดี เดี๋ยวอารมณ์ร้าย เราจึงได้คิดค้น สูตรอาหารเสริมมา เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา ที่เกิดขึ้น จนได้สูตรสมุนไพร 5 ชนิด ที่ช่วยกระชับ ช่องคลอด ลดตกขาว ลดอาการปวดท้อง ประจำเดือน พร้อมปรับสมดุล ของฮอร์โมน คืนความสาว ความอ่อนเยาว์ ให้คุณใหม่ อีกครั้ง
-ความกระชับ ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกบีบตัวได้ดี เพิ่มการไหลเวียนของโลหิต
-ปรับสมดุลฮอร์โมน ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนผู้หญิง โดยเฉพาะวัยทอง และคุณแม่หลังคลอด หรือกำลังให้นมบุตร
-ลดอาการปวดท้องประจำเดือนและการตกขาว ช่วยลดอาการปวดท้องประจำเดือนได้เป็นอย่างดี และลดตกขาวผิดปกติ ตกขาวสีเขียว สีเหลืองปนเลือด พร้อมลดกลิ่นไม่พึงประสงค์
-ผิวพรรณ ช่วยทำให้ผิวพรรณผ่องใส ดูสุขภาพดี ผิวเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย ลดริ้วรอยก่อนวัย
ตกขาวกินยาอะไร
หากพบความผิดปกติ ของตกขาว เช่น มีสีที่เปลี่ยนไป มีกลิ่น และทำให้เกิดอาการคัน บริเวณช่องคลอด ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าอาจ เกิดจากติดเชื้อต่าง ๆ เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส ซึ่งในกรณีนี้ควรรีบไปพบ สูตินรีแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากการซื้อยา มารับประทาน เองอาจไม่ตรงกับการติดเชื้อ นั้นๆ ซึ่งอาจทำให้เกิด ภาวะแทรกซ้อน ตามมา แต่ถ้าเป็นตกขาว ที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ก็สามารถรักษา ด้วยตัวเองได้ง่ายๆ ดังนี้
1.รักษาความสะอาด บริเวณอวัยวะเพศ อยู่เสมอ โดยเฉพาะบริเวณ ภายนอก พยายามอย่า ให้เกิดการอับชื้น ทุกครั้งที่เข้าห้องน้ำ ควรใช้กระดาษ ชำระเช็ดให้แห้ง โดยเช็ดจากด้านหน้า ไปยังด้านหลัง เพื่อป้องกัน การติดเชื้อสิ่งสกปรก จากทวารหนัก และถ้าหากเป็น ประจำเดือน ควรดูแลเรื่องความสะอาด และสุขอนามัยอยู่เสมอ เพื่อป้องกัน ไม่ให้มีการเจริญเติบโต ของเชื้อรา นอกจากนี้ไม่ควรสวมใส่ กางเกงใน หรือกางเกงที่มี ความคับเกินไป เพราะอาจทำให้บริเวณ ดังกล่าวมีความชื้นแฉะ แม้จะไม่ได้เข้าห้องน้ำ เลยก็ตาม
2.ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด มีความเชื่อที่ผิดๆ กันว่าการสวน ล้างช่องคลอด จะทำให้ภายใน ช่องคลอดสะอาด ช่วยลดการเกิด ตกขาวได้ ในรายที่พึ่งผ่านการมีเพศสัมพันธ์ จะช่วยป้องกันอสุจิ เข้าไปผสมกับไข่ ได้อีกด้วย แต่จริงๆ แล้วการสวนล้างช่องคลอด อาจทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบ ซึ่งจะส่งผลให้ ช่องคลอดมีกลิ่น และ มีตกขาวที่มากกว่าปกติ บางรายที่ใช้น้ำยา หรือน้ำที่ไม่สะอาดสวนล้าง เข้าไป อาจทำให้เกิดการติดเชื้อ ในอุ้งเชิงกรานอีกด้วย ให้ล้างด้วยน้ำเปล่า หรือ สบู่แค่ภายนอกแล้ว เช็ดให้แห้ง ก็เพียงพอแล้ว
3.ซักชุดชั้นในให้สะอาด บางครั้งสาเหตุ ของการเกิดตกขาว คือการสวมใส่ชุดชั้นในที่ไม่สะอาด หรือการสวมใส่ชุดชั้นในซ้ำๆ อยู่เสมอ ดังนั้น หากเป็นตกขาว ควรเปลี่ยนชุดชั้นในใหม่ทั้งหมด หรือนำชุดชั้นในเก่าไปต้มเพื่อฆ่าเชื้อโรค และควรเปลี่ยนชุดชั้นใน ใหม่ทุกครั้งหลังอาบน้ำ เพื่อป้องกันการอับชื้น ที่เป็นแหล่งเจริญเติบโต ของเชื้อรา และ แบคทีเรีย
4.รับประทานโยเกิร์ต การรับประทานโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยวที่มีแลคโตบาซิลลัส จะช่วยเพิ่มแบคทีเรีย ดังกล่าวภายในช่องคลอด ช่วยลดปัญหาตกขาวมีกลิ่น ที่อาจเกิดจากความไม่สมดุลของแบคทีเรีย ภายในช่องคลอด โดยเฉพาะการ ที่แบคทีเรียแลคโตบาซิลลัสถูกทำลาย จากการสวนล้างช่องคลอด หรือการรับประทาน ยาปฏิชีวนะ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้กระบวนการฆ่าเชื้อรา ภายในช่องคลอด ไม่สามารถทำได้ตามปกติ จึงอาจทำให้ พบตกขาวที่มีสีผิดปกติ หรือตกขาวที่มีกลิ่นเหม็น
5.หลีกเลี่ยงการ มีเพศสัมพันธ์ สาเหตุส่วนมากของ การมีตกขาวที่ผิดปกติ เกิดจากคู่รัก หรือคู่นอน ที่ไม่ค่อยได้ทำความสะอาด อวัยวะเพศตัวเอง จึงอาจทำให้เกิดเชื้อราขึ้น โดยไม่รู้ตัว เมื่อมีเพศสัมพันธ์จึงทำให้ ติดเข้ามาภายในอุ้งเชิงกราน ของฝ่ายหญิง เพราะฉะนั้น จึงควรหลีกเลี่ยง การมีคู่นอน หลายคน และควรใช้ถุงยางอนามัย ทุกครั้งเมื่อ มีเพศสัมพันธ์
ตกขาว คือสารคัดหลั่ง ชนิดหนึ่ง ที่ไหลออกมาจากอวัยวะ ต่างๆ ในอุ้งเชิงกราน ของผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นช่องคลอด มดลูก หรือปากมดลูก ปกติแล้วตกขาว จะมีสีใส ไม่มีกลิ่น ไม่มีสี และ มีปริมาณเพียงพอให้ ช่องคลอดมีความชุ่มชื้น อาจมีความเปลี่ยนแปลงบาง ช่วงก่อน-หลังมีประจำเดือน หรือเมื่อ มีเพศสัมพันธ์ แต่ก็จะกลับมามี ลักษณะปกติได้ในเวลาไม่กี่วัน
สาเหตุตกขาวผิดปกติ ได้แก่
การติดเชื้อจากพยาธิในช่องคลอด (Trichomonas vaginalis) เชื้อรา เชื้อหนองใน เชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่มักพบในเด็ก และเชื้อไวรัส ทำให้เกิดการอักเสบบริเวณช่องคลอด และอวัยวะสืบพันธุ์ภายนอก รวมทั้งในสตรีที่หมด ระดูแล้วเยื่อบุช่องคลอดบางลง มีความต้านทานต่อการติดเชื้อน้อย