เพอร์ไลท์ คืออะไร ใช้กับการเพาะปลูกอย่างไร

เพอร์ไลท์

เพอร์ไลท์   (Perlite) เป็นวัสดุที่มีลักษณะเป็นอิฐหินทรายขนาดเล็กๆ มักถูกใช้ในการปรับปรุงดินหรือใช้ในงานสร้างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำหรือกันรากเนื้อเยื่อพืชในสวนหรือสนามกอล์ฟ มันเป็นวัสดุที่เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์เพาเวอร์มอร์ตาร์ ในขณะที่มีลักษณะเบากว่าดินปกติแต่ก็มีความแข็งแรงและไม่เน่าเสียด้วย

เพอร์ไลท์เกิดจากการแผ่กระบวนการในธรรมชาติที่มีลักษณะเป็นฟองน้ำที่เข้าไปในหินอัลคาลินี (obsidian) โดยมีการทำลายโดยความร้อนในลักษณะที่เรียกว่า “expansion” ซึ่งทำให้เกิดการขยายตัวของฟองน้ำภายในหินอัลคาลินี ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า “การทำละลายทางความร้อน” จากนั้นหินอัลคาลินีที่เกิดการขยายตัวจะกลายเป็นเพอร์ไลท์

เพอร์ไลท์มีคุณสมบัติทางกายภาพที่ช่วยให้เหมาะสำหรับการใช้งานในการปรับปรุงดินหรือในงานสร้าง เช่น มีน้ำหนักเบา ความต้านทานต่อศักย์ไฟฟ้า และมีความต้านทานต่อสารเคมี นอกจากนี้ยังมีความสามารถในการระบายน้ำได้ดี ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับระบบระบายน้ำในดิน และสามารถกันรากเนื้อเยื่อพืชได้อย่างดีในการปรับปรุงดินเพื่อใช้ในการเพาะปลูกพืช

เพอร์ไลท์สามารถผสมกับดินปลูกเพื่อเพิ่มการระบายน้ำและลดการกัดกร่อนของดิน เพอร์ไลท์ ทำให้รากพืชสามารถเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้เพอร์ไลท์ยังช่วยในการควบคุมอุณหภูมิในดิน ทำให้รากพืชไม่เผชิญกับความร้อนหรือความเย็นที่สูงเกินไปในงานก่อสร้าง เพอร์ไลท์สามารถใช้เป็นส่วนประกอบของผนังหรือฐานรากในการสร้าง

เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและประสิทธิภาพในการระบายน้ำของโครงสร้าง นอกจากนี้ยังมีการนำเพอร์ไลท์มาใช้ในงานฉาบหรือครามผิว ซึ่งช่วยเพิ่มความเรียบเนียนและความแข็งแรงให้กับผิวพื้นโครงสร้าง ในสรรพสิ่ง เพอร์ไลท์มักถูกใช้เป็นวัสดุในการปลูกพืชในกระถางหรือตะกร้า โดยเพิ่มเพอร์ไลท์ลงในดินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำและส่งเสริมการเจริญเติบโตของรากพืช

เพอร์ไลท์เป็น หินภูเขาไฟประเภทหนึ่งที่มีจำนวนน้ำในตัวค่อนข้างจะสูง เป็นหินภูเขาไฟที่เจอตามธรรมชาติ กระจายตัวอยู่ในหลายประเทศทั่วทั้งโลกเพอร์ไลท์จัดอยู่ในทรัพยากรธรรมชาติที่ใช้แล้วหมดไป เหมือนกับน้ำมัน โลกพวกเราทั่วทั้งโลกมีหินเพอร์ไลท์อยู่โดยประมาณ 700 ล้านตัน นอกจากนี้ยังมีการนำเพอร์ไลท์มาใช้ในการปรับปรุงดินที่มีความเป็นกรดจากน้ำยางพารา หรือใช้

เพอร์ไลท์

เพอร์ไลท์ เป็นหินภูเขาไฟที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ

เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากลาวาที่มีการเย็นตัวอย่างเร็ว (Volcanic glass) รวมทั้งเปลี่ยนเป็นหินออบสิเดียน (Obsidian) ซึ่งเมื่อน้ำทำปฏิกิริยากับหินออบสิเดียนเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน จะก่อให้กำเนิดเพอร์ไลต์ขึ้น ตามธรรมชาติแล้ว เพอร์ไลต์จะมีสีดำหรือสีเทารวมทั้งมีรูปร่างที่ไม่แน่นอน

เพอร์ไลต์เป็นธาตุประเภทหนึ่งซึ่งไม่ใช่พลังงานซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ พบได้มากในเหมือง ซึ่งโดยมากจะเจอในประเทศกรีซ ประเทศสหรัฐอเมริกา ประเทศตุรกี และก็ประเทศญี่ปุ่น เนื่องมาจากเพอร์ไลต์เป็นธาตุที่แพงถูกก็เลยมักใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆอย่างเช่น ปูนปลาสเตอร์ การก่ออิฐ วิธีการทำฝ้าเพดาน หรือกระบวนการทำกระเบื้อง

นอกเหนือจากนี้คุณลักษณะของเพอร์ไลต์ยังเหมาะสำหรับนำไปใช้ในลัษณะของการปลูกพืชอีกด้วย เมื่อก่อนที่จะประยุกต์ใช้เป็นอุปกรณ์ปลูกพืชนั้น เพอร์ไลต์ควรจะมีแนวทางการสำหรับเพื่อการเปลี่ยนสภาพให้มีน้ำหนักค่อย และก็เป็นสีขาว เพื่อนำมาใช้ในลัษณะของการปลูกพืช

การปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ โดยปกติจะนิยมนำเอาเพอร์ไลท์รวมทั้งเวอร์มิคูไลท์มาใช้เป็นอุปกรณ์สำหรับการปลูก เพราะคุณมีทรัพย์สมบัติที่ซึมซับน้ำและก็ซับน้ำได้ดิบได้ดี ก็เลยช่วยทำให้ผักกาดหอมมีอัตราการงอกแล้วก็เติบโตดีมากยิ่งกว่าอุปกรณ์แบบอื่นๆเพียงแค่การปลูกด้วยเพอร์ไลท์และก็เวอร์มิคูไลท์จะมีต้นทุนที่มากขึ้นแค่นั้น

การผสมเพอร์ไลท์รวมทั้งเวอร์มิคูไลท์ นิยมผสมในอัตราส่วน 6:1 ประยุกต์ใช้ร่วมกับถ้วยปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สีเขียวแบบที่ใช้งานครั้งเดียวเพอร์ไลท์ เป็นอุปกรณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นจากการย่อยสลายของหินภูเขาไฟ โดยมีสาเหตุจากการที่มีน้ำเข้าไปทำปฏิกิริยากับหินอ๊อบสิเดียน ชอบเจอตามธรรมชาติ เมื่อถูกเผาจะมีการขยายตัว

มีการประยุกต์ใช้ในทางอุตสาหกรรม แล้วก็ได้ผลสำเร็จผลิตด้านการค้าที่มีสาระ เนื่องมาจากคุณลักษณะที่มีน้ำหนักค่อยภายหลังจากผ่านกรรมวิธีการเผาไปแล้ว เมื่อได้รับความร้อนราวๆ 850-900 องศาเซสเซียล หินเพอร์ไลท์จะมีการขยายตัว มีผลต่อการดูดดูดซึมฟองอากาศของหิน ในตอนนี้นิยมนำเอามาใช้เป็นอุปกรณ์ปลูกพืชไฮโดรโปนิกส์ในระบบ NFT

เพอร์ไลต์เป็นธาตุประเภทหนึ่งซึ่งไม่ใช่พลังงานซึ่งสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ พบได้มากในเหมือง ซึ่งส่วนใหญ่จะเจอในประเทศกรีซ อเมริกา ประเทศตุรกี และก็ประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากว่าเพอร์ไลต์เป็นแร่ที่แพงถูกก็เลยมักใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆตัวอย่างเช่น ปูนปลาสเตอร์ การก่ออิฐ

แนวทางการทำฝ้าเพดาน หรือกระบวนการทำกระเบื้อง นอกเหนือจากนั้นคุณลักษณะของเพอร์ไลต์ยังเหมาะที่จะนำไปใช้เพื่อสำหรับการปลูกพืชอีกด้วย เมื่อก่อนที่จะประยุกต์ใช้เป็นอุปกรณ์ปลูกพืชนั้น เพอร์ไลต์ต้องมีขั้นตอนสำหรับเพื่อการเปลี่ยนสภาพให้มีน้ำหนักค่อย รวมทั้งเป็นสีขาว เพื่อนำมาใช้สำหรับในการปลูกพืช

เพอร์ไลท์ เป็นอย่างไร

เพอร์ไลท์ (Perlite)เป็นอุปกรณ์ปลูกที่ได้มาจากย่อยหินภูเขาไฟประเภทหนึ่งที่มีชื่อเรียกเดียวกัน (หินเพอร์ไลท์) จนกระทั่งมีขนาดเล็กละเอียด แล้วค่อยนำไปผ่านความร้อนที่ระดับอุณหภูมิราวๆ 850-900 องศาเซลเซียส จนได้เป็นเพอร์ไลท์พร้อมใช้ที่มีลักษณะเป็นก้อนกรวดเนื้อโปร่งสีขาว มีขนาดตั้งแต่ 2-8 มม.

คุณลักษณะที่สะดุดตาของเพอร์ไลท์เป็น มีน้ำหนักค่อย องค์ประกอบข้างในมีลักษณะเป็นรูพรุนก็เลยทำให้เพอร์ไลท์สามารถซับน้ำได้ราว 3-4 เท่าของน้ำหนักตัวรวมทั้งช่วยเก็บกักความชื้นในดินปลูกได้ดิบได้ดีดังนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกลุ้มใจว่าจะมีผลให้ดินปลูกเปียกน้ำหรือมีความชุ่มชื้นสะสมมากจนเกินความจำเป็น

เพราะว่าเพอร์ไลท์มีพื้นที่ร่วนและก็โปร่ง ก็เลยช่วยลดความหนาแน่นและก็การจับตัวกันจบกลายเป็นก้อนแข็งของดิน เพิ่มอัตราการไหลเวียนของอากาศรวมทั้งน้ำในสิ่งของปลูก ทำให้รากพืชเดินได้สบายรวมทั้งแข็งแรง เพิ่มอัตราการรอคอยดรวมทั้งการเติบโตของพันธุ์พืชได้อย่างดีเยี่ยม

เพอร์ไลต์ เป็นหินภูเขาไฟประเภทหนึ่ง เนื้อเป็นแก้ว เป็นไม่มีรูปผลึก มีส่วนประกอบหลักละม้ายกับหินไรโอไลต์ แต่ว่ามีน้ำแทรกอยู่ 2-5 ด้วยเหตุนี้ ก็เลยมีลักษณะเด่นเป็น เมื่อบดเป็นก้อนเล็กๆแล้วก็ค่อยนำไปเผาราว 800-1 000 องศาเซลเซียส จะขยายตัวแบบป๊อบคอร์น ทำให้มีรูพรุน มีเนื้อเป็นโพรง และก็มีน้ำหนักค่อย 0 5-0 8 กรัม ซีซี

จากคุณลักษณะนี้ ก็เลยสามารถใช้ประโยชน์งานได้นานัปการ ตัวอย่างเช่น ใช้เป็นสิ่งของผสมน้ำหนักค่อย แทนทรายก่อสร้าง ในงานคอนกรีต ใช้ทำฝาผนัง-ฝ้ากันความร้อน ทนความร้อน ใช้เป็นตัวดูดซึมของเหลว ของเสีย หรือใช้ปรับแต่งดินเพื่อทำการเกษตร โดยจะมีผลให้ดินซึ่งร่วนซุย อากาศแล้วก็น้ำระบายได้สบาย

จัดเป็นแร่อุตสาหกรรมที่มีอนาคตดี ในบ้านพวกเรามีแหล่งอยู่รอบๆอำเภอโคกรุ่งเรืองแล้วก็สระโบสถ์ จังหวัดลพบุรี มีการทำเหมือง 2-3 เหมือง แต่ว่าเนื้อหาเรื่องเหมืองแล้วก็ราคาจะเสนอแนะให้ติดต่อที่ประชุมการเหมือง จะได้ข้อมูลกระจ่างมากขึ้นเรื่อยๆ เวอร์มิคูไลต์เป็นแร่ในกรุ๊ปไมก้า ซึ่งคุณลักษณะเด่นของแร่กรุ๊ปไมก้าเป็น

การมีส่วนประกอบผลึกเป็นแผ่นซ้อนๆกัน แม้กระนั้นก็มิได้มีความหมายว่า ไมก้าทุกตัวจะสามารถแตกรวมทั้งขยายตัวเป็นตัวหนอนได้ราวกับเวอร์มิคูไลต์ ไม่เจอเป็นแหล่งแร่ที่เพียงพอจะทำเหมืองได้ในบ้านพวกเรา ที่เจอก็เป็นเพียงแต่องค์ประกอบในดินบางที่ คุณลักษณะสำคัญของเวอร์มิคูไลต์เป็น

เพอร์ไลท์

“หิน” รากฐานสำคัญอันเป็นแหล่งกำเนิดชีวิต

เพอร์ไลท์ (perlite) เพอร์ไลท์เป็นสิ่งของธรรมชาติที่เกิดขึ้นมาจากการย่อยสลายของหินภูเขาไฟเป็นซิลิกาสีขาวอมเทาได้มาจากลาวาของภูเขาไฟเพอร์ไลท์ธรรมชาติยังไม่เหมาะสมที่จะใช้เป็นวัสุดปลูก จึงควรนำไปผ่านการบดรวมทั้งภาวะความร้อนมากถึง 760 องศาเซลเซียส ก็เลยขยายตัวพองเสมือนฟองน้ำ มีน้ำหนักค่อย

สามารถซับน้ำได้ 3-4 เท่า ไม่มีธาตุอาหารพืชและไม่สามารถแลกประจุบวกได้ หากใช้กับพืชที่อ่อนแอต่อฟลูออไรด์จะมีปัญหา เมื่อเผาแล้วเพอร์ไลท์มีความหนาแน่นราวๆ 95 – 145 kg/m3 มีความรู้ความเข้าใจสำหรับการซับน้ำรวมทั้งระบายอากาศเจริญเพอร์ไลท์เมื่อขยายตัวแล้วมีเสถียรภาพดี มีการยุบน้อย

หินอัคนี (Igneous Rock) เกิดจากหินหนืดที่อยู่ใต้เปลือกโลกแทรกดันขึ้นมาแล้วตกผลึกเป็นแร่ต่างๆ และเย็นตัวลงจับตัวแน่นเป็นหินที่ผิวโลก แบ่งเป็น 2 ชนิดคือหินอัคนีแทรกซอน (Intrusive Igneous Rock) เกิดจากการเย็นตัวลงอย่างช้า ๆ ของหินหนืดใต้เปลือกโลก มีผลึกแร่ขนาดใหญ่ (>1 มิลลิเมตร) เช่นหินแกรนิต (Granite) หินไดออไรต์ (Diorite) หินแกบโบร (Gabbro)

หินอัคนีพุ (Extruisive Igneous Rock) หรือหินภูเขาไฟ (Volcanic Rock) เกิดจากการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วของหินหนืดที่ดันตัวพุออกมานอกผิวโลกเป็นลาวา (Lava) ผลึกแร่มีขนาดเล็กหรือไม่เกิดผลึกเลยเช่น หินบะซอลต์ (Basalt) หินแอนดีไซต์ (Andesite) หินไรโอไลต์ (Rhyolite)

เพอร์ไลท์เป็นอนินทรีย์ ผสมลงในดิน มีคงทนถาวร ไม่สลายตัวจากจุลชีพ มีธาตุอาหาร ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แมกนีเซียม แคลเซียม เป็นแหล่งแร่สำคัญที่พืชใช้ประโยชน์ผลดี เหมาะสมกับการปลูกผัก ไฮโดรโปนิกส์ พืชดอกไม้ประดับ ไม้ผล รวมทั้งผักสวนครัวทั่วๆไป เพอร์ไลท์ (Perlite)

เป็นสิ่งของที่นิยมประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ และก็ใช้เป็นส่วนประกอบในดินเพื่อช่วยทำให้ดินมีความร่วนซุย ไม่จับตัวกันจนมีลักษณะเป็นก้อนแข็ง สามารถดูดซึมธาตุอาหารในดินและก็เบาๆปลดปล่อยให้กับรากพืชอย่างช้าๆทำให้พืชเจริญวัยเป็นประจำกระบวนการเปลี่ยนแปลงและกระบวนการหมุนเวียนของหินอัคนี

การเกิดหินในปัจจุบัน มีหินใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลา ทั้งบริเวณผิวโลกหรือลึกลงไปใต้เปลือกโลก เช่น บริเวณปากแม่น้ำไนล์ ในอียิปต์ที่ไหลไปบรรจบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ตะกอนทีพับมาทับถม เมื่อเวลาผ่านไปชั้นตะกอนเหล่านี้กลายเป็นชั้นหิน ทีเหลือร่องรอยบอกถึงสภาวะ แวดล้อมในช่วงศตวรรษที่ 20 หรือซากฟอสซิลปะการังที่พบแถบจังหวัดสระบุรี

มีองค์ประกอบของหินปูน มีสิ่งมีชีวิต ซึ่งในอดีตอาศัยอยู่ในทะเลมาก่อนหินตะกอนและหินแปร สามารถเปลี่ยนจากหินชนิดหนึ่งไปเป็นหินอีกชนิดหนึ่งได้โดยความร้อนแรงกดดัน การพุพุ่ง การพัดพา และการทับถม การแปรสภาพบริเวณไพศาล (Regional metamorphism) เกิดเป็นบริเวณกว้างโดยมีความร้อนและความดันทำให้เกิดแร่ใหม่หรือผลึกใหม่เกิดขึ้น

มีการจัดเรียงตัวของแร่ใหม่ และแสดงริ้วขนาน (Foliation) อันเนื่องมาจากแร่เดิมถูกบีบอัดจนเรียงตัวเป็นแนวหรือแถบขนานกัน เช่น หินไนส์ (Gneiss) หินชีสต์ (Schist) และหินชนวน (Slate) เป็นต้น การแปรสภาพสัมผัส (Contact metamorphism) เกิดจากการแปรสภาพโดยความร้อนและปฏิกิริยาทางเคมีของสารละลายที่ขึ้นมากับหินหนืดมาสัมผัสกับหินท้องที่

ไม่มีอิทธิพลของความดันมากนัก ปฏิกิริยาทางเคมีอาจทำให้ได้แร่ใหม่บางส่วนหรือเกิดแร่ใหม่แทนที่แร่ในหินเดิม หินแปรที่เกิดขึ้นจะมีการจัดเรียงตัวของแร่ใหม่ ไม่แสดงริ้วขนาน (Nonfoliation) เช่น หินอ่อน (Marble) หินควอตไซต์ (Quartzite)หินแกรนิต (Granite) หินอัคนีแทรกซอน เนื้อหยาบถึงหยาบมาก

ประกอบด้วย เฟลด์สปาร์ และควอรตซ์ เป็นส่วนใหญ่ และไมก้า หรือ ฮอร์นเบลนด์ ผลึกแร่อาจมีหนึ่งหรือสองขนาด ประโยชน์ ใช้ทำหินประดับ หินแกะสลักทำอนุสาวรีย์ วัสดุก่อสร้าง หินไรโอไลต์ ( Rhyolite) หินอัคนีพุ มีส่วนประกอบเหมือนหินแกรนิต โดยทั่วไปมีแร่ดอกอยู่ในเนื้อพื้น ซึ่งแสดงลักษณะร่องรอยของการไหล ufa666win แร่ดอกประกอบด้วย ควอรตซ์ และเฟลด์สปาร์ เนื้อพื้นเป็นเนื้อแก้วถึงเนื้อผลึกซ่อนรูป