profender

profender โช้คอัพ (Shock Absorber)เป็นวัสดุอุปกรณ์สำคัญ ที่ช่วยรองรับแรงชน และลดแรงสะเทือนของรถ มีบทบาทช่วยควบคุมการดีดตัวของสปริง-แหนบ หรือช่วงล่างให้ใกล้เคียงไปกับสถานการณ์ของผิวถนนตอนที่รถวิ่ง โช้คอัพที่มีคุณภาพสูง จะช่วยลดการเสียดสีและก็การสึกหรอของยาง ตลอดจนอะไหล่ช่วงล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหมาก บู๊ชยาง ระบบกันสั่นสะเทือน ตลอดจนช่วยทำให้รถยนต์เกาะถนนหนทางเจริญอีกทั้งทางตรงแล้วก็ขณะเข้าโค้ง… อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/article/585170พวกเราบางทีอาจเคยรับรู้ แบบเดิมๆกับ แบบแต่ง ก็อาจมีปัญหาสำหรับคนที่ใช้รถธรรมดาอย่างพวกเราๆว่ามีด้วยหรือ? แล้วที่ว่าแบบเดิมกับแต่ง แตกต่างกัน profender ยังไง? แล้วจะต้องเปลี่ยนแปลงไหม ? ก็จะบอกอย่างนี้นะครับว่าบางครั้งก็อาจจะไม่มีความสำคัญในเรื่องที่ท่านขับขี่บนท้องถนนในเมือง ซึ่งแบบแต่งนั้นจะนิยมในกลุ่มนักแต่งรถยนต์ หรือนักแข่งสายซิ่งที่อยากได้เพิ่ม

profender

สมรรถนะของรถสำหรับเพื่อการขับรถ การยึดเกาะถนน อย่างนั้นมาดูกันว่าของเดิมๆมีกี่แบบ

1. ชนิดกระบอกลำพัง (Mono Tube)ลักษณะของกระบอก จะเป็นชิ้นเดียวตามชื่อ h drive แต่แบบเดี่ยวนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ที่มีความแข็งแรง-ทนทานสูง สามารถรับแรงกระแทกได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าเกิดตัวกระบอกไม่แข็งแรงพอเพียง แน่นอนว่าจะมีปัญหาสำหรับในการรับแรงจากรถทั้งยังคันรวมถึงแรงจากพื้นขณะที่กำลังขับขี่ อาจทำให้กระบอกเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง แต่เพียงแค่แข็งแรงสิ่งเดียวก็น่าจะไม่พอ สิ่งของที่ใช้ผลิตยังจะต้องมีน้ำหนักค่อยอีกด้วย ก็เลยเป็นที่นิยมในหมู่นักซิ่ง นักแต่งรถ จึงทำให้ราคาแพงแพงกว่าแบบอื่น

2. ชนิดกระบอกคู่ (Twin Tube)เป็นแบบที่ใช้งานกันอยู่ทั่วไป ที่เรียกว่ากระบอกคู่ ก็เพราะด้านในเป็นกระบอกสองชั้น (มีการดำเนินการของกระบอกที่สลับซับซ้อนกว่าแบบ Mono Tube พอควร) กระบอกด้านในปฏิบัติหน้าที่เป็น “กระบอกสูบ” ซึ่งมีน้ำมันที่ออกแบบมาเป็นพิเศษบรรจุไว้ข้างใน

ส่วนช่องว่างข้างนอก จะเป็น “ช่องสำรองน้ำมัน” แบ่งเป็นอีก 2 แบบ คือ

แบบน้ำมันสิ่งเดียวเรียก “จำพวกกระบอกคู่-แบบน้ำมัน” จะมีน้ำมันบรรจุราว 2 ใน 3 ที่เหลือจะเป็นอากาศ การที่บรรจุน้ำมันในจำนวนที่มากช่วยในหัวข้อการขยับเขยื้อนที่นุ่มนวล อีกประเภทที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันคือ จำพวกกระบอกคู่-แบบแก๊ส” ก็จะบรรจุ “แก๊ส” ไว้ในช่องน้ำมันสำรองนี้ด้วย โดย”ก๊าซ”นี้จะช่วยสำหรับในการสนองตอบที่เร็วทั้งการคืนตัวเร็ว-ยุบตัวช้า แต่จะมีความแข็งแรงมากกว่าแบบน้ำมัน (ก๊าซเพียรพยายามดันสู้ตลอดเวลา) ก็ได้เรื่องการเกาะถนนที่ดี ลดอาการโคลงตัว แม้กระนั้นความนิ่มนวลก็จะลดน้อยลงกว่าแบบน้ำมันสรุปจุดเด่นของ ประเภทกระบอกคู่เป็นทุนการผลิตถูกกว่า ตัวสิ่งของไม่จำเป็นที่ต้องทนทานเสมือน ชนิดกระบอกเดี่ยว ด้วยเหตุว่ากระบอกสูบจริงๆนั้นอยู่ด้านใน ภายนอกเป็นช่องน้ำมันสำรอง ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องความแข็งแรง ทำให้ราคาไม่สูงมากมาย จึงเป็นที่นิยมแล้วก็ใช้กันอยู่ทั่วๆไปแถมสำหรับผู้ที่พอใจ

โช๊คอัพ รถยนต์ แบบแต่ง จะแบ่งเป็น 3 แบบ

1.ชนิดปรับความสูงไม่ได้ลักษณะเหมือนของเดิมๆที่ติดมาพร้อมกับรถยนต์ เพียงแค่มีการปรับปรุงให้มีความสามารถที่สูงขึ้น หนึบแน่นยึดเกาะผิวถนนได้ดิบได้ดีขึ้น ซึ่งสังเกตว่าจะไม่สามารถปรับความสูงได้ เบ้าสปริงจะมีขนาดใหญ่ เท่าของเดิมที่สร้างขึ้นจากโรงงาน เหมาะสำหรับคนที่ประทับใจความหนึบโดยเฉพาะ แล้วก็พอใจกับระดับความสูงจากพื้นของตัวรถยนต์ ไม่อยากให้โหลดหรือยกสูงมากไป

2.ประเภทสตรัทปรับเกลียวได้รับความนิยมพอเหมาะพอควร บริเวณเบ้าสปริงสามารถปรับให้สูง-ต่ำได้ดังที่ผู้ครอบครองรถถูกใจ มีสปริงทรงกระบอก เรียกว่า สปริงหลอด ที่ปรับความแข็งหรือเรียกว่า “ค่า K.” ได้ ส่วนขนาดก็มีมากมายให้เลือก ซึ่งจะมองเห็นได้ว่าพัฒนามาจากแบบแรกนั่นเอง ได้รับความนิยมเยอะที่สุดในวงการมอเตอร์สปอร์ตบ้านพวกเรา

3. จำพวกสตรัทปรับเกลียว-แบบสไลด์กระบอกแบบสไลด์กระบอก สามารถปรับความสูงที่ตัวกระบอกได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งยากปรับที่เบ้าสปริงแล้ว ช่วยไขปัญหาหัวข้อการปรับความสูง แต่การปรับให้สามารถณะการทำงาน โดยรวมออกมาดีนั้นเป็นเรื่องที่ท้าพอเหมาะพอควร นักซิ่งที่ใช้รถยนต์สำหรับในการแข่งขันอยากได้สมรรถนะสูงๆทำให้อายุการใช้งานของรถยนต์สั้นลง การปรับความสูงของสปริง ก็จะยากขึ้นตามภาวะของรถยนต์

สรุปของแต่ง มีคุณประโยชน์เช่นไรดูแล้ว หากพวกเราๆท่านๆขับในเมืองทั่วไป คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปปรับเปลี่ยนของเดิมๆจะแปลงอีกทีก็แปลงตามภาวะของอะไหล่ที่หมดอายุใช้งานแล้ว ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนนักแข่งขัน สายซิ่ง ที่จึงควรเพิ่มความสามารถให้รถยนต์ ก็เห็นจะหลบลี้มิได้ แต่ข้อระวังอาจจะเกิดเรื่อง “การโหลดรถยนต์โดย “ตัดสปริง” ที่จะต้องใช้ช่างมีฝีมือสำหรับในการทำและตรวจเช็คอย่างพิถีพิถันก่อนใช้จริง เนื่องด้วยได้โอกาสที่กระบอกสูบจะหักได้ในตอนที่ใช้งานถ้าเกิด profender เอ่ยถึงอายุการใช้งานของ โดยธรรมดาจำนวนมากจะอยู่ที่ราวๆ 3 ปี

ถ้าหากคิดเป็นปริมาณกิโลก็อยู่ระหว่าง 60,000 – 100,000 ก.ม. แต่นี่เป็นเพียงแค่ การประเมินอายุการใช้งานเพียงคร่าวๆแค่นั้น ส่วนปัจจัยหลักๆก็อย่างที่บอกครับ จำต้องขึ้นกับการใช้แรงงานของรถด้วย หากปกติรถยนต์ใหม่ ใช้งานที่ 25,000 กฎหมาย แล้วพวกเราจำต้องนำรถเข้าไปเช็คที่ศูนย์บริการสักนิดว่า ระบบตอนล่างยังรับแรงชน ช่วยลดแรงสั่นสะเทือนของตัวรถขณะรถวิ่ง และช่วยให้รถยนต์เกาะถนนหนทางขณะเข้าโค้งก้าวหน้าอยู่หรือเปล่าอาการทรุดโทรมเอ๋ยถึงอาการทรุดโทรมกันบ้าง เมื่อรถยนต์ของคุณผ่านการใช้แรงงานมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร ตอนที่กำลังขับขี่ผ่านผิวรอยต่อถนนหรือขึ้นเนินหลังเต่า

จะรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกที่มากแตกต่างจากปกติ หรือตอนที่ขับรถขึ้นสะพานจะรู้สึกแปลกๆว่ารถยนต์มีลักษณะอาการกระโจน ขับลงทางชันจะมีอาการกระเด้ง ขณะที่กำลังขับรถยนต์ผ่านพื้นผิวที่เป็นแอ่งกระทะ ความเร็วโดยประมาณ 70-80 ก.ม./ช.มัธยม จะมีความรู้สึกได้ว่ารถยนต์มีลักษณะอาการเหินเล็กหน่อย จากอาการข้างต้นนี้ สามารถพูดได้ว่าคุณควรจะเช็คสภาพหรือเปลี่ยนแปลง โช๊คอัพ รถยนต์ ใหม่ได้เเล้วตรวจเช็คบ่อยระบบตอนล่าง ทำงานหนักมากๆเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ อีกทั้งรองรับแรงชนแรงสั่นจากหลุม บ่อ คอสะพาน บนถนนหนทาง ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลแล้วก็ช่วยทำให้ปรับเราควบคุมรถได้อย่างแน่ใจ

แบบงั้นเรามาตรวจดูรถของพวกเรากันสักนิดว่ายังใช้งานเจริญอยู่หรือเปล่า ?

1.พิจารณาการคืนตัวพวกเราสามารถตรวจสอบการคืนตัวของรถยนต์ ได้ง่ายๆเพียงแต่ใช้มือกดรถยนต์รอบๆมุมที่ปรารถนาทดลอง ออกแรงกดสัก 5 ครั้ง เพื่อสังเกตการคืนตัวของรถ ถ้าการคืนตัวที่ค่อนข้างไวหมายความว่ายังปกติอยู่

2.สำรวจรอยรั่วดูรอยรั่วของน้ำมันบริเวณข้อต่อต่างๆแม้พบรอยเปื้อนน้ำมันไหลออกมาจากกระบอก ก็ได้โอกาสที่กระบอกจะรั่วได้ ซึ่งทำให้คุณภาพการทำงานนั้น ลดลงไปเพราะว่าน้ำมันที่ช่วยสร้างความนุ่มนวลพร่องไปจากเดิม

3.สังเกตทรงแน่ๆว่าโดยปกติจะเป็นทรงกระบอกแบบสมมาตร แต่ถ้ามองด้วยตาเปล่าแล้วผิดเพี้ยนไป ก็ไม่ต้องสงสัยครับบางครั้งอาจจะตกหลุมใหญ่ๆมา หรือได้รับแรงกระแทกหนักๆจนกระทั่งผิดรูปผิดรอยทรง การเปลี่ยนใหม่บางทีก็อาจจะเป็นหนทางแรกๆของปัญหานี้ครับผม

4.ดอกยางที่ล้อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสึกไม่ปกติทดลองเช็คหน้ายางที่รถของคุณครับ ว่าดอกยางด้านไหนมีลักษณะอาการสึกเปลี่ยนไปจากปกติหรือเปล่า! ถ้าสังเกตุพบร่องรอยการสึกที่ไม่บ่อยนักจากล้อข้างที่สงสัย บางทีอาจหมายความว่า ข้างนั้นๆของคุณคงจะมีปัญหา

5.รู้สึกแปลกๆขณะออกสตาร์ท-เบรคลองดูเมื่อออกตัวแล้วก็เบรคขณะที่กำลังขับขี่ด้วยความเร็วปกติ ถ้าพบว่าในห้องโดยสารมีการสะเทือนมากกว่าปกติ เวลาขับรถขึ้นเนินหรือลูกระนาดจะพบว่ามีการกระดอนขึ้น-ลง จนถึงรู้สึกได้ว่าไม่นิ่มนวลอย่างที่ควรเป็น ให้รีบตรวจดูทันทีทันใดนะครับ

6.รถยนต์มีอาการบิน-ร่อนขณะขับรถด้วยความเร็ว มีความรู้สึกว่ารถมีอาการเหินน่าจะเป็นที่ โช๊คอัพ รถยนต์ บางตัวมีการชำรุดจนกระทั่งไม่อาจควบคุมสมดุลของรถยนต์ได้เหมือนตัวอื่นๆด้วยเหตุนั้นเพื่อให้เกิดความปลอดภัย ให้รีบนำรถยนต์ไปตรวจเช็คที่ศูนย์หรืออู่ จะเยี่ยมที่สุดเมื่อรู้อย่างงี้แล้ว รีบไปตรวจเช็ครถของพวกเรากันสักนิดสักหน่อย

เนื่องจากว่าระบบช่วงล่างเป็นจุดที่จำเป็นต้องรับแรงชนจากข้างล่าง และข้างบนอยู่ตลอดเวลา ถ้าเกิดตรวจพบความไม่ปกติควรรีบไปเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ในทันทีทันใด เนื่องจากว่าไม่ใช่แค่เรื่องความนิ่มนวลสำหรับเพื่อการขับขี่ ยังเป็นเรื่องไม่มีอันตรายของตัวคุณเองด้วยปัญหายอดนิยมเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่า

โช๊คอัพ รถยนต์เป็นอะไหล่สำคัญของระบบตอนล่าง ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งหรือรถปิคอัพ ยิ่งภาวะถนนหนทางบ้านพวกเราแล้วมีโอกาสมากที่อะไหล่บางจำพวกจะผุพังเร็วกว่าอายุการใช้งานจริง นี่จะเป็น 5 ปัญหา ที่เรามักสงสัยไปดูกันว่าจะมีปัญหาไหนตรงกับใจพวกเราบ้างรึป่าวร้อง

1.ควรซ่อมแซมหรือเปลี่ยนดีมากกว่ากัน ?ตอบ บางทีอาจตอบได้ทั้ง 2 แบบครับผม ให้ดูอาการจะดีมากยิ่งกว่า profender ยกตัวอย่างเช่น ใช้ยังไม่ถึงปีแต่ว่ามีการรั่วซึมของน้ำมันข้างใน ก็มีช่างที่รับซ่อม แต่ถ้าหากอายุ 5 ปีขึ้นไป การทำงานไม่ดีอย่างเดิม กดลงไปไม่คืนตัวหรือคืนตัวช้ามากมาย ก็เสนอแนะให้แปลงครับผม

2. จะต้องตั้งศูนย์รถใหม่ด้วยไหม?ตอบ บางทีอาจไม่มีความจำเป็นต้องตั้งศูนย์ถ้าหากแปลงแบบทั่วๆไป แต่ว่าหากจะยกสูงหรือโหลดต่ำลงก็เสนอแนะว่าต้องตั้งศูนย์ด้วยครับผม

3. ทำไมราคาถึงราคาแพงแตกต่างกัน แล้วไม่เหมือนกันอย่างไร ?ตอบ จะถูกหรือแพง โดยมากอยู่ที่แบรนด์ของอะไหล่ เทคโนโลยีใหม่ๆและอุปกรณ์สำหรับเพื่อการผลิตขอรับ ลองพินิจพิเคราะห์จากการใช้รถยนต์ของท่านแล้วกันว่าที่ไหนจะเยี่ยมที่สุด

4. ใช้รถยนต์นานขนาดไหนถึงได้เวลาปลี่ยน ?ตอบ อายุการใช้งานจำนวนมากอยู่ที่ 5 ปี หรือโดยประมาณ 50,000 กฎหมาย (โดยประมาณ 1 หมื่น กฎหมาย/ปี) ทั้งนี้อยู่ที่การใช้งานของท่านด้วย เช่น ขนของหรือบรรทุกของหนักๆ, ให้บริการ Taxi , ขับระยะทางไกลเป็นประจำก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อายุของอะไหล่สั้นลง

5. แบบก๊าซ หรือ น้ำมัน แบบไหนดียิ่งกว่ากัน ?ตอบ นิยามอย่างง่ายของแต่ละแบบ ดังนี้ขอรับ แบบก๊าซ จะให้ความแข็งกระด้างมากยิ่งกว่าถ้าเกิดคุณชอบ profender ขับขี่รถที่ใช้ความเร็วสูง ไม่ค่อยสัมผัสเบรค แบบก๊าซน่าจะตอบปัญหาสูงที่สุด ส่วนแบบน้ำมัน จะให้ความละมุนละไมสำหรับเพื่อการขับมากยิ่งกว่า เหมาะกับขับขี่รถในเมืองที่ใช้ความเร็วต่ำ

กลับหน้าหลัก