รีวิว Kingdom Season 2 (2020)

รีวิว Kingdom Season 2 (2020)

รีวิว Kingdom Season 2 (2020)

รีวิว Kingdom Season 2 (2020) คุ้มกับการตั้งหน้าตั้งตารอคอย ดำเนินเรื่องเร็วกระชับ สนุกสนาน ลุ้นระทึกมากเพิ่มขึ้นกว่าเดิม สื่อสัญลักษณ์เกี่ยวกับ ผู้ปกครอง ประชาชน และก็ผีดิบ ดีงาม สมกับเป็นยอดเยี่ยมซีรีส์จากเกาหลีและ Netflix และขอยกให้เป็นเลิศในรูปภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับซอมบี้ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของโลก
#รีวิวนี้การเปิดเผยเนื้อหาบางส่วนใน Season 2 นี้ เล่าราวต่อจากเหตุการณ์ใน Season 1 ทันที เหตุเพราะบรรดาเหล่าผีดิบ มิได้ออกปฏิบัติการได้เพียงแค่ในค่ำคืนเพียงแค่นั้น แม้กระนั้นกับสภาพอากาศที่มีความหนาวเย็นนั้ยมีผลโดยตรง Kingdom Season 2 (2020)  โดยเหตุนี้ในฤดูกาลนี้ก็เลยเห็นการต่อสู้ระหว่าง กลุ่มของเพศชายรัชทายาทสู้กับพวกผีดิบ แบบวิ่งสู้ฟัดตั้งแต่ต้นเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือค่ำคืน พูดได้ว่าใน Ep. 1 นั้น โคตรบันเทิงใจตั้งแต่ต้นเลยก็ว่าได้ต่อจากนั้นพอเพียงสถานการณ์คลี่คลายลงไป ก็เข้าสู่การเดินเรื่องหลักก็คือ ทำไมจึงมีการสร้างผีดิบซอมบี้ขึ้นมา ไปพร้อมๆกับการหาหลักฐานการถึงแก่กรรมของหญิงสาวและก็เด็กแรกเกิดผู้คนจำนวนมาก ซึ่งหากคนไหนได้มอง season 1 มาก็คงสามารถรู้เรื่องนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นสำหรับผมแล้วในเส้นหัวข้อนี้ค่อนข้างปกติและตื้นมากมาย แต่ก็เอาเถอะเพราะเหตุว่าหนังคงไม่ได้ย้ำหัวข้อการสอบสวนเป็นหลักขนาดนั้น

เรื่อง ผี เล่า เป็นหนังที่บอกเรื่องผี 3 เรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน (เอ๊ะหรือมันมีจุดเกี่ยวข้องแม้กระนั้นเราไม่รู้เรื่องนะ)

ขอแบ่งรีวิวเป็นเรื่องๆละกันเรื่องแรก “มันอยู่ในรถยนต์”บอกเล่าเรื่องราวของนักธุรกิจคนหนึ่งที่ต้องเจอกับเหตุการณ์แปลกเมื่อเขาเรียกแท็กซี่กลับไปอยู่ที่บ้านนี่เป็นเรื่องที่น่ารำคาญที่สุดใน 3 เรื่อง จังหวะการเล่า แนวทางสำหรับเพื่อการพรีเซ็นท์ หรือจังหวะผีก็ไม่ได้น่าสนใจเลยแม้กระทั้งจุดเดียว เรื่องราวมันเดาง่ายอย่างยิ่ง รวมทั้งเรื่องนี้ไม่มีอะไรเลยจริงๆทางด้านผู้แสดงในประเด็นนี้อย่าง เป้-ป้องกัน

ก็ไม่ได้มีบทอะไรที่สะดุดตา แล้วก็เหมือนจะเล่นใหญ่ไปด้วยเรื่องที่สอง “ไปผุดไปกำเนิด”เรื่องนี้บอกเล่าเกี่ยวกับหญิงสาวที่มองเห็นผี เธอได้ถูกเจ้าของเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่งว่าจ้างให้ไปไล่ผีไปผุดไปกำเนิดจะได้เปิดโฮเต็ลใหม่ แต่เรื่องราวมันไม่ง่ายอย่างนั้นเวลานี้ถือว่าเปิดเรื่องได้น่าดึงดูด ตรงกลางก็ทำเป็นไม่เลว แต่ตอนจบนี่แบบอิหยังวะ ง่ายๆแบบงี้เลย และก็มองรวดรัดตัดจบเร็วเกินความจำเป็น

ส่วนทางด้านดาราหนังอย่าง ปราง ถือว่าทำได้ดีมากกว่าที่คิด อาจจะไม่ว้าวมาก แต่อยู่ในระดับที่สอบผ่าน ที่สำคัญคุณงามจริงๆเรื่องที่สาม “ใบลาน”เรื่องราวของผู้เขียนที่เดินทางมาเก็บตัวที่ที่พักแห่งหนึ่ง แม้กระนั้นทำยังไงก็คิดงานไม่ออก จนได้พบกับใบลาน พอเพียงเขาได้เริ่มเขียนลงบนนั้น เขากลับคิดงานออก แต่ว่ามันมาพร้อมกับเรื่องราวแปลกๆที่เขาไม่คาดคิดอีกหนึ่งในขณะที่น่าสนใจ

เปิดเรื่องน่าสนใจมากมายๆคอนเซ็ปท์ยังน่าติดตาม มีการเซ็ทสถานที่ปูเรื่องราวให้เราเตรียมรับทราบว่าอะไรจะเกิดขึ้นเจริญ แม้กระนั้นจังหวะสำหรับเพื่อการเล่าบางช่วงก็เหมือนดูรวบรัดไปเสียหน่อย แนวคิดเรื่องใบลานเยี่ยมนะ ถ้าเกิดเอามาขยี้ให้หนักมันจะเป็นเรื่องนึงที่มีแนวความคิดที่น่าสยดสยองเลยแหละ ดาราอย่างหมาก-ปริญ พวกเราว่าเขาแสดงดีนะ แต่ด้วยบทที่ไม่ส่งสักเท่าไหร่

ในรูปภาพรวมมันเลยดูน่าเสียดายและทั้ง 3 เรื่องที่เล่ามาทุกตอนมันควรมีคติสอนใจ สอดแทรกแนวคิดสำหรับเพื่อการดำรงชีวิตแบบ…ไม่ต้องก็ได้มั้ย อารมณ์เสมือนดูฟ้ามีตาฉบับหนังอย่างไรยังงั้นในภาพรวมของ เรื่อง ผี เล่า มันเลยกลายเป็นว่าไม่มีความน่าสยดสยองจากผีเลยสักหน่อย เรื่องราวก็ไม่ได้น่าดึงดูดมากพอ ราวกับจะดี แม้กระนั้นดันออกมาโชคร้าย และก็มันก็ยังไม่น่าติดตามมากพอสักเท่าไหร่ สรุป…นี่คือเรื่องผีที่เปรียบเทียบเช่นนิทานกล่อมนอน

ใน season 2 นี้เรื่องราวจะขยับเข้ามา เอ่ยถึงเรื่องในราชวงศ์ประเทศเกาหลี

โดยเฉพาะเรื่องราวเกี่ยวกับฐานะหรือคุณลักษณะของการเป็นผู้ปกครอง ซึ่ง ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญ เป็น “เนื้อความ” สำคัญของฤดูกาลนี้เลยก็ว่าได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นหัวข้อของ “เลือด” แน่ๆว่า สายเลือดสายผู้สืบสกุลนั้นมีความหมายมากมาย แต่หนังก็ทำให้เรามีความเห็นว่าสิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ทัศนคติ ความถูกต้องแน่ใจ ความดีเลิศของคนใดคนหนึ่งมากว่า ผมชอบที่มีการพูดถึงความหมายของ “เลือด”

ประมาณว่า ไม่ว่าจะเป็น เลือดของพระเจ้าอยู่หัว เลือดพลเมือง เลือดชนชั้นต่ำ หรือแม้กระทั้งเลือดของผีดิบก็มีสีแดงเช่นเดียวกัน ซึ่งในหัวข้อนี้หนังจะไปขยายความเช่นไรก็ขอให้ไปชมกันเอาเองใน season นี้ ใช้ผีดิบหรือซอมบี้มาอธิบายอะไรหลายๆอย่างได้อย่างมีชั้นเชิงและมีความลึก ไม่แพ้ใน season ที่ 1 ผีดิบหรือซอมบี้มันสามารถชี้แจงถึง ชนชั้น ความอีแร้งแค้น

การขาดแคลนลานของกินรวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ ความสินค้าต่างๆมีราคาแพง รีวิว Kingdom Season 2 (2020) การแบ่งแยกชิงดีกัน ความเห็นแก่ได้ ข้อคิดเห็นแก่อำนาจ ความโลภละโมบโลภมาก หรือแม้แต่ผู้ปกครองที่มิได้ครองตนอยู่ในหลักทศพิธราชธรรม เพราะฉะนั้น แม้ภาพยนตร์จะชี้ให้เห็นภาพของการต่อสู้ระหว่าง ชนชั้นปกครอง ร่วมมือกับทหาร แพทย์ ชาวบ้านสู้กับผีดิบซอมมบี้

ซึ่งก็คือบุคลาธิษฐานที่ทำให้เห็นว่า มันเป็นการต่อสู้กับ การแร้แค้นแล้วก็หรือสิ่งต่างๆที่ผมยกตัวอย่างมาในขั้นต้นนั่นเองผมชอบแนวคิดเรื่องของกรรมวิธีการสร้างผีดิบหรืออสูรกาย มันเป็นปรัชญาสำคัญของเรื่องที่อยากนำเสนอ แล้วได้แก่หากผู้ปกครองไม่มีความรู้ความรู้ความเข้าใจ

เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนรวมทั้งพวกพ้องมากยิ่งกว่าประโยชน์ของส่วนรวม ไม่ดูแลไพร่ฟ้าประชาชน จนถึงนำไปสู่ความลำเค็ญไปทุกแห่งหน สิ่งนี้นั่นแหละ เป็นการผลิตให้ประชนชนหรือคนใต้ดูแล แม้จะยังมีชีวิตแล้วก็ลมหายใจอยู่แต่ว่าก็ราวตายทั้งเป็น กระทั่งในที่สุดก็เปลี่ยนผีดิบหรืออสูรกายอย่างแท้จริง

ภายหลังที่ดิสนีย์พาผู้ชมไปเที่ยวเมืองจีนใน “มู่หลาน”

พาออกผจญภัยตามหมู่เกาะไปกับ “โมอาน่า” นี่นับว่าเป็นทีแรกเลยที่ดิสนีย์ได้ถือเอาวัฒนะธรรมทางโซน SEA เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มาสร้างเรื่องราวขึ้นสู่หน้าจอใหญ่ให้ได้ดูกันในแบบแอนิเมชั่น ถ้าหากถามคำถามว่าทำไมถึงจำเป็นต้องเอาวัฒนธรรม โดยรวมของโซนนี้มาใช้ บางทีก็อาจจะเพราะว่าเรื่องราวในหัวข้อนี้นั้น มีการแบ่งเป็นเผ่าต่างๆซึ่งทำให้สามารถสอดแทรกความเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละประเทศเข้าไปเป็นลักษณะเด่นในแต่ละเผ่าได้อย่างลงตัวนั้นเอง

เรื่องราวเกี่ยวกับ อาณาจักรคูมันยี่ห้อ ที่เคยมีผู้คนอาศัยอยู่กันอย่างสมัครสมาน กระทั่งดรูน ผีได้เข้ามากล้ำกลายอาณาจักร ทำให้คนจำนวนไม่น้อยเปลี่ยนเป็นหิน และแตกคอกัน รวมไปถึงเป็นต้นเหตุที่ทำให้เหล่ามังกร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนนี้สูญพันธ์กันอย่างยิ่งจริงๆ เรื่องราวที่ว่าชั่วร้ายแล้วนั้น หลายร้อยปีต่อมา เพื่อบิดาของรายา (ราชาของเผ่าหัวใจ) ได้เริ่มกระทำการสานสโมสรทุกเผ่าเข้าด้วยกันด้วยการเชิญมาร่วมงานสังสรรค์

แต่และจากนั้นก็ได้กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดการฉกชิงมณีมังกร ซึ่งเป็นลูกแก้วยอดเยี่ยมที่ทำให้สามารถปกป้องจาก ดรูน ปีศาร้ายได้ ได้ถูกทำให้แตกกระจายเป็นกลายส่วน รวมทั้งส่วนประกอบถูกเอาไปใช้ป้องกันตามแต่ละเผ่า จนแล้วจนรอด รายา ลูกสาวของผู้ครองเผ่าหัวใจ จะต้องทำตามหามังกรตัวท้ายที่สุด รวบรวมชิ้นส่วนมณีมังกรให้ครบเพื่อได้นำผู้ที่รักกลับมาได้จะว่าไปแล้วงานออกแบบส่วนมากในเรื่อง

ออกจะที่จะมีแบบอ้างอิงจากวัฒนธรรมไทยเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นการถือเอามาดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขและลดทอนให้มองเป็นสากลขึ้นไม่ได้ไทยขาๆแบบแอนิเมชั่นของไทยหลายๆเรื่อง ในส่วนงานดีไซน์นี้จัดว่าทำออกมาได้น่าพอใจอย่างมาก คนไหนกันแน่จะไปรู้สึกว่าวันหนึงจะได้มองเห็นวัฒนธรรมไทยถูกถ่ายทอดออกมาโดยคณะทำงานจากสตูดิโอฮอลลีวูด ผสมผสานกับความแฟนตาซีของเรื่องราวทั้งปวงช่างลงตัว ไม่ต้องการให้คุณพลาดดูในโรงภาพยนตร์จริงๆ8/10

มีการดำเนินเรื่องที่ออกจะกระชับ ฉับไว เกือบจะไม่มีจุดไม่จบสิ้นช้าเลย

ซึ่งจุดนี้ผมคิดว่าทำได้ดีมากยิ่งกว่า Season 1 แม้ว่าจะมี 6 ตอน ตอนละแทบ 1 ชั่วโมง เราก็สามารถอยู่มันได้แบบ 6 ชั่วโมงรวดเดียวจบ โดยยิ่งไปกว่านั้นฉากที่สู้กับผีดิบทำได้ดีเลิศ เพราะความมันจะเริ่มตั้งแต่ Ep. 1 Ep. 2 และก็มีไปเรื่อยๆระหว่าทาง รวมทั้งไปมันแบบขั้นสุด ใน EP. ที่ 5 และก็ EP. ที่ 6 พูดได้ว่าถ้าคุณถูกใจหนังแอคชั่น Kingdom Season 2 นี้ตอบปัญหามากมาย คุณจึงควรเอาใจช่วยองค์รัชทายาทแล้วก็ชาวคณะ

เนื่องจากว่าฤดูกาลนี้เป็นการต่อสู้กับผีดิบในระดับวิ่งสู้ฟัด สู้ไปหนีไป คราวนี้มันมายิ่ตระหนี่ว่าห่าฝน ทำเอาเราลุ้นเอาใจช่วยใจแทบจะขาด ดังนั้นฉาก Action ใน Season 2 นั้นก็เลยถือว่าเป็นคุณลักษณะเด่นที่สำคัญที่จุดหนึ่งที่ทำให้ Kingdom Season 2 มีความสนุกอย่างที่สุดผู้แสดงหลายตัวในเรื่องมีเสน่ห์มากมาย ที่ผมชอบมากๆก็แน่ๆว่าคือ องค์รัชทายาท เป็นตัวละครที่มีผลต่อเนื้อเรื่องสูงเป็นอันมาก

เป็นผู้ที่มีบุคคลิเท่มาก มีความคิดการอ่านเท่มาก มีการตัดสินใจในหลายสิ่งหลายอย่างที่เท่มาก พูดได้ว่าดารานำชายแบบสุดๆรองลงมาก็คือสมเด็จพระราชินี สีหน้าท่าทางแววตาของคุณ โคตรจะฉายแววความตั้งใจทะยานอยากเด็ดมาก รีวิว Kingdom Season 2 (2020) แม้จะเล่นนิ่งๆแต่ก็ทรงพลัง แล้วก็อีกคนหนึ่งที่มีหน้าที่มากมายๆก็คือ แพทย์หญิง แอบกระซิบกระซาบว่าคุณนี่แหละจะเป็นคนไขปัญหาโรคผีดิบซอมบี้ผีได้

ส่วนดาราหนังคนอื่นๆก็เล่นได้อย่างดีเยี่ยม แม้กระนั้นสำหรับผมแล้ว มีพฤติกรรมของผู้แสดงบางตัวที่ดูแล้วน่าอึดอัด บางอย่างที่ผู้แสดงพวกนั้นได้ตกลงใจปฏิบัติลงไปดูแล้วไม่สมเหตุสมผล มีการถามว่าจะทำไปเพราะเหตุใดวะ บางนักแสดงตัดสินใจช้ามากมายกระทั่งน่าเบื่อหน่ายในตอนสุดท้ายของเรื่องมีการตกลงใจบางอย่างที่สำคัญมากๆและเป็นการตัดสินใจที่มีความเป็นภาพยนตร์สูงมากมาย

และก็การตัดสินใจนั้นก็นำมาซึ่งการทำให้นำไปสู่ Season ต่อไปได้รวมทั้งมั่นใจว่าจะสองเท่าความสนุกมากเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสิ่งที่ภาพยนตร์ได้ทิ้งเอาไว้ภายในส่วนท้าย ซึ่งผมอาจจะแอบหวั่นใจน้อยว่ามันจะเปลี่ยนเป็นหนัง Action ในอีกแบบหนึ่งน่ะสิ จะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามชมเอาเองในเรื่อง ความโหดเหี้ยม ซาดิส ความร้ายแรง ใน season 2 นี้จัดได้ว่ามาเต็ม คนใดถูกใจแนวเลือดสาด ไม่มีหัว แขนขาด ไส้ทะลัก เรียกว่าว่าจัดมาให้อย่างครบครัน

อย่าเพิ่งจะรีบตาย หากยังเอาชนะบอสไม่ได้

เป็นหนังนอกสายตาเสียจริงๆสำหรับเรื่อง Boss Level ที่แสดงนำโดย Frank Grillo หรือ Brock Rumlow วายร้ายคู่ปรับกัปตันอเมริกา จาก Captain America The Winter Soldier/Civil War ที่ผลิกบทบาทจากวายร้าย สู่บทพระเอกในหนังของตนเองแบบสุดกำลัง ซึ่งถ้าหากมองดูจากโปสเตอร์ผิวเผินบางครั้งก็อาจจะมีความรู้สึกว่าหนังหัวข้อนี้เป็นหนังเกรดบี สำหรับลงแผ่นหรือไม่

แต่ผิดคาดเมื่อได้ดูตัวอย่างหนังนั้น ตัดได้ค่อนข้างน่าดึงดูด เรื่องราวว่าด้วย รอย พัลเวอร์ ผู้ซึ่งติดอยู่ในลูปเวลามาเป็นเวลา 100 กว่ารอบแล้ว โดยที่ครั้งใดก็ตามเข้าตื่นขึ้นมา จะต้องพบเจอกับมือสังหารมือพระรอยแดง ที่ต่างตามล่า ตามฆ่าเขาอยู่ร่ำไป ซึ่งเขาสงสัยอยู่สิ่งเดียวเป็นเพราะอะไรเขาถึงต้องโดนตามฆ่า ภายหลังที่เขาได้รีเซ็ตชีวิตใหม่หลายๆครั้งเข้า ก็เริ่มช่ำชองวิธีหลบเลี่ยงการตามล่าต่างๆได้

เพื่อสืบหาข้อเท็จจริงว่า อะไรกันที่ทำให้เขาต้องติดอยู่ในลูปในขณะนี้ และเพราะอะไรเข้าถึงจำเป็นต้องโดนตามฆ่า หลังจากได้ดูจบแล้วจำเป็นต้องบอกเลยว่า นี่คือหนังที่สนุกเกินหน้าเกินตาโปสเตอร์หนังเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นการปรักปรำกวนโอ้ย คำพูดตลกต่างๆช่างกับตัว Frank Grillo อย่างมากมาย

แถมยังป้ายความผิดอบอุ่นหัวใจ ฟิลหนังครอบครัวเข้ามาด้วย ซึ่งส่วนหลังนี้ออกจะเซอไพร์ส์เลยทีเดียวไม่นึกว่าหนังจะมาในทิศทางนี้ในช่วงท้ายของเรื่อง สรุปแล้วตัวหนังนั้น เรียกได้ว่าบันเทิงใจเกินคาดเสียจริงๆอาจจะมีข้อตำหนิอยู่สิ่งเดียวเป็นฉากจบ ที่ยังไม่ค่อยสะใจ หรือให้ความเคลียร์กับผู้ชมซักเท่าไหร่นั่นเอง 7.5/10

กลับสู่หน้าหลัก https://pubbellyboys.com/