ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020)

ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020)

ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020)

ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020) ใน season มีการลงทุนที่สูงมากมาย ทั้งยังเสื้อผ้าสิ่งของ ที่ผมชอบมากๆก็คือทำให้มองเห็นภาวะประเทศ ในสมัยราชวงศ์โชชอน ซึ่งเป็นตอนๆ รับเอาวัฒนธรรมตะวันตกบางสิ่งเข้ามาแล้ว รวมทั้งเป็นช่วงๆที่มีความเกี่ยวพัน กับประเทศเพื่อนบ้านจนถึงกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความขัดแย้งบางอย่าง ถูกใจภาพมุมกว้างที่ทำให้มองเห็นบ้านเมือง ทำให้เห็นวิวทิวทัศน์ในสมัยโบราณ ใข้เทคนิคพิเศษดีเลิศแบบพอดี ถูกใจการใช้แสงที่งดงาม ชอบมุมกล้องที่งาม แม้กระนั้นที่ถูกใจมากๆก็คือวิธีการตัดต่อ มีการตัดสลับระหว่างอดีตกาลกับตอนนี้ถามใครได้ดูใน Season 1 มาแล้ว อาจจะมีปริศนาหลายสิ่งหลายอย่างที่ค้างคาใจ หรือ ปุ่มต่างๆที่หนังได้ผูกไว้ในใน season แรก ใน season นี้เขาค่อนข้างแก้เงื่อนต่างๆได้ออกมาค่อนข้างจะดี แม้กระนั้นเขาก็ยังฉลาดหลักแหลมพอที่จะไม่แก้ปมบางสิ่งบางอย่าง เพื่อเอาไว้เป็นเชื้อไว้ใช้ในทีหน้าได้ และก็ผลจากการที่เขาเลือกที่จะไม่แก้เงื่อนนี่แหละ รวมทั้งทิ้งท้ายเอาไว้เป็นเชื้อนี่แหละ มันก็ทำให้พวกเราสอดรู้สอดเห็น และค้างคาใจแบบสุดๆอยากมองต่ออีกสัญลักษณ์หนึ่งที่หนังอุตสาหะส่งข้อความให้ผู้ชมเป็น มนุษย์ทุกคนยามแรกเกิดก็คือผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง คนที่มี เต็มที่เปอร์เซ็นต์ แต่ว่าเมื่อโต ขึ้นได้รับทราบหลายสิ่งหลายอย่างขึ้น Kingdom Season 2 (2020) ความบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นก็จะค่อยค่อยหายไป ความดีเลิศที่มีอยู่ก็จะลดเลือนหายไป ควาไม่ดีบางสิ่งก็จะเข้ามาแทนที่ได้อีกอย่างหนึ่งที่ชื่นชอบคิดได้ระหว่างมอง Kingdom 2เป็นหนังคนข้างสายได้ถูกที่ถูกเวลาและถูกสถานการณ์ ซึ่งเป็นช่วงๆที่เชื้อไวรัสโควิด-19 กำลังแพร่ระบาดอย่างหนัก มันทำให้เห็นธาตุแท้ของมนุษย์ว่า ใครบ้างที่เห็นแก่ตัว คนใดกันบ้างที่เอาข่าวสารและสถานการณ์ไปใช้ในแนวทางที่ไม่ถูกต้องไม่สมควรและก็ไม่เหมาะสม ในจุดนี้ไม่ว่าจะความบังเอิญของเหตุการณ์หรือเปล่าบังเอิญก็แล้ว แต่ว่าผมว่ามันโดนใจอย่างที่สุดกล่าวโดยสรุป Kingdom season 2 คือยอดเยี่ยมซีรีส์ จากประเทศเกาหลี Netflix ที่มีความสนุกสนาน ลุ้นระทึก ตื่นเต้น เอาช่วยไปตลอดเรื่อง ให้แง่คิดที่ดี Kingdom season 2 สนุกสนานมาก ลุ้นระทึก มัน ดีงาม แอบแฝงด้วยความหมายดีๆเรียกได้ว่าคุ้มค่ากับการคอย ถ้าเกิดไม่ดูก็คงจะค่ะเรียกว่าคอภาพยนตร์ไม่ได้ ขอชูให้เป็นภาพยนตร์ซอมบี้ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่งของโลกในระยะเวลานี้

หนังอนิเมชันเรื่องใหม่ส่งตรงจาก Disney

ที่ได้ชาวไทยอย่างคุณฝน วีรสุนทรผู้ที่ทำ Story Artist ให้กับ Zootopia และเบื้องหลังความสำเร็จของ Frozen มารับหน้าที่เป็น Head of Story ให้กับ Raya and the Last Dragon ที่คนใดได้ดูคงจะเห็นเลยว่างาฟ้าพองค์ประกอบต่างๆอาหาร วัฒนธรรม การแต่งกาย สถานที่หรือชื่อจริงละครมีความเป็นไทยแล้วก็ประเภทสเพื่อนบ้านผสมอยู่เต็มไปหมด Raya and the Last Dragon

บอกเล่าเรื่องราวของดินแดนที่มนุษย์แล้วก็มังกรเคยอยู่ด้วยกันอย่างสุขสบาย แม้กระนั้นแล้วพลังชั่วร้ายก็มาคุกคามทำให้เหล่ามังกรสละชีวิตเพื่อคุ้มครองปกป้องมนุษย์ 500 ปี ต่อมาความเหี้ยมโหดก็กลับมาเยี่ยมอีกรอบจึงทำให้ รายา สาวน้อยจำเป็นต้องออกเดินทางตามหามังกรที่ยังเหลืออยู่เพื่อคุ้มครองปกป้องรวมทั้งพยายามรวมแผ่นดินมั่นคงรุ่งเรืองอีกครั้งสิ่งแรกเลยคือตัวละครนางเอก

ถึงไม่ได้มองข่าวมาก็คงเดากันได้ไม่ยากว่าได้แรงจูงใจสำหรับการสร้างฐานะละครนี้มาจาก ญาญ่า อุรัสยา แบบเต็มๆความน่าดึงดูดใจของเรื่องนี้เป็นความเป็นไทยและประเทศเพื่อนบ้านที่ได้กล่าวไปแล้วตามข้างต้น มันได้ถูกประสมประสานเรื่องราวออกมาโดย Disney ชอบความที่มันผสมได้กลมกล่อมไม่แออัดยัดเยียดออกมาจนเกินความจำเป็นเนี่ยแหละเรื่องราวก็ยังคงสไตล์ความเป็น Disney

เหมาะกับทุกเพศทุกวัย เด็กมองได้ ผู้ใหญ่ดูดี รายละเอียดมันก็หนังสูตรสำเร็จเนี่ยล่ะ ดูธรรมดาไม่หวือหวา ไม่ว้าว คาดเดาง่าย หาทางลงง่ายไปสักนิดสักหน่อย แถมมันยังดำเนินเรื่องเร็วอีกต่างหาก แต่แน่นอนว่าความเป็น Disney มันก็ยังคงไม่ลืมเลือนที่จะสอดแทรกแง่คิดอีกด้วย (แม้กระนั้นหาทางลงง่ายไปจริงๆนะ)งานด้านภาพสวยตามมาตรฐาน ทางด้านเพลงประกอบค่อนข้างจะเฉยๆไม่ติดหูสักเท่าไหร่

แต่ว่าที่ยังน่ากล่าวชมคือการให้เสียงบรรยายผู้แสดงต่างๆมองกับแต่ละผู้แสดงด้วย สรุปแล้วถ้าถามว่าเรื่องราวมันบันเทิงใจมั้ย สำหรับเราตอบตรงๆว่าค่อนข้างเฉยๆแต่มันก็ยังให้ความบันเทิงตามแบบฉบับ Disney ที่เรียกเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม อบอุ่นและมีความน่ารักอยู่ดี ที่ชื่นชอบและก็น่าจะเป็นลักษณะเด่นที่สุดเป็นการประสมประสานความเป็นไทยและก็ประเทศในอาเซียนได้อย่างกลมกล่อมพอดีเนี่ยล่ะ

หลังจากวันศุกร์ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา (13 March, 2020)

เชื่อว่าแฟนๆซีรี่ส์ Netflix หลายๆท่าน คงจะได้ชม Kingdom season 2 (2020) กันแล้ว วันนี้ผมเลยต้องการจะมารีวิวฤดูกาลนี้สักนิดสักหน่อย ภายหลังทนรอมาปีนึง พร้อมด้วยมองจบข้างในไม่ถึงวัน (555)

– Kingdom season 2 (2020) กำกับโดย Park In-je (EP 2-6) และ Kim Seong-hun ผู้กำกับจากฤดูกาลแรก (EP1) ส่วนผู้เขียนบทก็คือ Kim Eun-Hee จากภาคที่แล้ว (แล้วก็เป็นนักเขียน The Land of the Gods ด้วย ที่เป็น Based ของซีรี่ส์ Kingdom) Wikipedia

– เนื้อเรื่องย่อ: เรื่องราวต่อจากซีซั่นแรก องค์รัชทายาท ปักหลักสู้กับกองทัพซอมบี้ที่เมืองทงเร ขณะที่เสนาบดี โจ ฮักจู ก็สามารถแผ่อำนาจของกรุ๊ปแฮโจวอนได้มากขึ้นเรื่อยๆท่ามกลางความสับสนชุลมุน ก็เกิดเหตุการณ์พลิกล็อคให้องค์ชายรวมทั้งพรรคพวกต้องกลับเข้าไปที่ฮันยางอีกที (เอาเพียงเท่านี้ละกัน มากยิ่งกว่านี้จะเสียอรรถรส)คลิกเพื่อมองคลิปวิดีโอ

– Kingdom season 2 (2020) ยังคงประสิทธิภาพดังเดิม… ซีซั่นนี้นับว่าความก้าวหน้าเรื่องแต่ละตอนดีมากกว่า SS1 ไม่มีเวิ่นเว้อหรือมี Gap บางจุดแบบภาคแรก แต่ว่าดังนี้การเดินเรื่องแต่ละฉากก็รู้สึกว่าไปไวกว่าด้วยด้วยเหมือนกัน ส่วนพวกจุดหักมุม – จุดเซอร์ไพร์ส ตัวหนังยังทำได้สร้างสรรค์เหมือนปกติ (แบบบางช็อตดูแล้ว มันคิดได้ยังไงเนี่ย คนคิดนี่มันอัจฉริยะจริงๆ)

– จุดที่ผมประทับใจและเจ็บแสบที่สุดเป็น ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020) บรรยากาศและก็หลักสำคัญในเรื่องมันล้อกับโลกของเราเวลานี้เหลือเกิน ทั้งเรื่องโรคระบาด, ความยากจนข้นแค้น, การรบและก็ความไม่ถูกกัน แล้วก็ที่สำคัญสุดเป็น ปัญหาความเห็นแก่ได้ของผู้นำ / นักการเมือง เสียดสีได้ลึกและก็แยบยล (หลายซีนภาพประเทศไทยลอยมาเลย ไม่เคยรู้ว่าได้ Inspiration มาหรือไม่)

– ส่วนเรื่องคุณภาพหนังและก็โปรดักชั่น ชูให้ว่าจัดอยู่ในระดับภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ทั้งคุณภาพบทและก็การเดินเรื่อง คุณภาพดาราหนัง มุมกล้องถ่ายรูป โทนภาพ บรรยกาศหนัง โลเคชั่น คอสตูม ทำเป็นเนียนละเอียด (ส่วนตัวรู้สึกว่านำหน้าระดับทวีปเอเชียไปแล้ว)

– ใครกันแน่พึงพอใจเรื่อง Art Composition การวางเฟรมภาพ การควบคุมโทนสี รวมถึงศิลปะการถ่ายทำของ Kingdom ทดลองดูในคลิปอันนี้ได้ งานละเอียดลออมาก (มี Spoil ในคลิป)คลิกเพื่อมองคลิปวิดีโอ

– ความรู้สึกเทียบกับ SS1 ถ้าเปรียบเทียบแล้ว ตัวผมยังรู้สึกชอบ SS1 มากกว่า ตรงที่เวลาที่พวกเราดู SS1 พวกเราได้สัมผัสถึง First Impression ความรู้สึกสดใหม่แบบไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะความเป็นหนังสยองขวัญที่บาลานซ์กับดราม่าการเมืองอย่างลงตัว (ส่วนฤดูกาลนี้โทนเอนไปที่การบ้านการเมืองซะมากกว่า) รวมทั้งตอนจบของ SS1 รู้สึกว่าพีคกว่าฤดูกาลนี้

เป็นบอกตรงๆว่าดูพวกคลิปโปรโมท ดูโปสเตอร์แล้วไม่ได้เชิญให้ดูขนาดนั้นสำหรับผู้ใหญ่

แต่เราก็ชอบดิสนีย์มาเรื่อยดูบ้างไม่ดูบ้าง ไม่ได้มองทุกเรื่อง (ปัจจุบันที่มองคืออะลาดินกับมู่หลาน) แต่ว่าที่สนใจประเด็นนี้ด้วยเหตุว่าท้ายที่สุดดิสนีย์ก็ถือเอาการราวแถวๆบ้านพวกเรามาทำเป็นหนังสักครั้ง เย่!!!! (ดีอกดีใจจริงๆ) เลยต้องการรู้ว่าจะดีไหม จะดูมั่วๆกลางเพื่อขายได้ทั่วทั้งโลกเสมือนตอนมู่หลานหรือเปล่า (เป็นต้นว่ามีเทพเทวดานกฟินิกส์แทนกิเลนแทนมังกรอะไรทำนองนี้) เรื่องราว (ไม่สปอยล์)

แน่ล่ะ ดิสนีย์ตัวละครหลักส่วนมากควรเป็นเจ้าหญิงของดินแดนใดสักดินแดนหนึ่ง ประเด็นนี้ก็เช่นเดียวกัน รายาเป็นเจ้าฟ้าหญิงแหล่ะ เมืองหลักของน้องรายาเป็นโลกอารยธรรมโบราณคล้ายบาหลี และในเรื่องก็จะมีชาวประเทศเพื่อนบ้านชาติอื่นๆที่มองคล้ายไทยนิดหนึ่ง ราวกับเวียดนาม ฟิลิปปินส์หน่อยๆแต่จะมิได้เจาะจงเป็นชาติใดชาติหนึ่งแบบเรื่องมู่หลานว่าเป็นคนจีน

จะเป็นชื่ออาณาจักรที่แต่งใหม่ขึ้นมา ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020) ชื่อเมืองใดๆจะเลียนแบบๆหน่อย แต่ว่ามีกลิ่นอายอาเซียนในหนังมากไม่น้อยเลยทีเดียวเลยแหล่ะ ตัวติดอยู่แรกเตอร์องค์หญิงรายาจะดูเป็นนักสู้ราวกับเรย์ในสตาร์วอร์ภาคหลังๆองค์หญิงรายามีภารกิจสำคัญสำหรับการกอบกู้เหตุการณ์ รวมทั้งต้องออกเสี่ยงอันตรายโดยมีตัวนิ่มน่ารักๆชื่อ “รถสามล้อเครื่อง”

เป็นสัตว์เลี้ยงประจำตัว (แบบที่องค์หญิงดิสนีย์มีดูเหมือนจะทุกคนแหล่ะ) และกลางทางก็พบเพื่อนพ้องร่วมกระบวนการกอบกู้เหตุการณ์เสริมเติมเป็นแก๊งค์ มีคุณมังกรชื่อ ซีซู ที่ดูอย่างกับว่าพญานาคหากมองด้านข้างแต่ถ้าดูด้านหน้าจะเสมือนยูนิคอร์น เค้าหน้าน่ารัก นิสัยก็สวย แล้วก็มีเพื่อนร่วมทางน่ารักน่าชังอีกผู้คนจำนวนมากเลย ชื่อน้อย ชื่อบุญ ชื่อทอง (ชื่อมาอย่างไทยและลาวเลยอ่ะ ชอบๆ) จบการรีวิวเรื่องราวอย่างคร่าวๆเท่านี้แหล่ะ ไปดูเอาเอง ก็สไตล์ดิสนีย์อ่ะ ส่วนตอนสรุปจังหวะดีมาก มีขนลุกน้ำตาซึมๆประทับใจกันไป ถือว่าทำเป็นดีเยี่ยมในสไตล์ดิสนีย์

Kingdom ss2 Netflix รีวิว สปอย

ผีดิบคลั่งบัลลังก์เดือด เกาหลีย้อนยุค + ซอมบี้ + ชิงอำนาจ แอ็กชั่น ดราม่า ปนจิกกัดชนชั้นและก็สะท้อนส่วนประกอบทางสังคมในเกาหลี ความเห็นแก่ตัวของคนเรา Kingdom SS2 นับได้ว่าเป็นซีรีส์เกาหลีย้อนยุค + ซอมบี้ ที่อาจจะมาได้ในตอนที่อิงกับสถานการณ์ในโลกข้อเท็จจริงอย่างไม่น่าเชื่อ หลังจากความหวาดกลัวหัวข้อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ก็อาจจะเปรียบเทียบได้กับเหตุการณ์ในเรื่องนี้ก็เป็นไปได้ Kingdom ss2 Netflix รีวิว ผีดิบบ้าบัลลังก์เดือดKingdom ss2 นักแสดงรัชทายาทอีชาง (แสดงโดย Joo Jihun) ตัวนำของเรื่อง รัชทายาทแห่งโชชอน ผู้ซึ่งไม่ได้มีอำนาจอะไรบ้างที่อยู่ในมือ แล้วด้วยเหตุการณ์ที่กดดันจากในซีซันแรก ทำให้เขาจะต้องวิ่งหนีการไล่ตามจากผู้ที่ถูกทำให้แปลงเป็นซอมบี้ แล้วเก็บรวบรวมกำลังคนเพื่อเป็นการป้องกันและยังเป็นการไม่ให้พวกซอมบี้บุกเข้ามาในพื้นที่ของประชาชนไปมากกว่านี้ในซีซันสอง เขาได้ตกลงใจนำคนกลับไปต่อสู้ชิงอำนาจจากโจฮักจู แล้วยังจำต้องฆ่าพ่อตัวเองที่แปลงเป็นซอมบี้ไปแล้ว ซึ่งก็ทำให้เขาชิงอำนาจกลับคืนมาได้ แต่ก็ยังจำต้องเจอปัญหาอีกเพียบเลยที่รอทดสอบอยู่

งานสร้างอันนี้คืออัศจรรย์ใจมากบอกเลย

เอาเรื่องการศึกษาวัฒนธรรมเชิงลึกที่มิได้ลึกมากมายก่อน ชื่นชอบในฐานะบริษัทผลิตภาพยนตร์ตะวันตกที่พยายามเข้าอกเข้าใจวัฒนธรรมอาเซียน มีหลายๆอย่างดูเป็นอาเซียนเชิงดีเทลดี มีผลไม้บ้านเราในหนังเยอะมาก ทุเรียน มังคุด ลำไย แก้วมังกร อาหารหวานอย่างหรุ่ม ข้าวเหนียวมะม่วง อาหารอย่างแกงที่ดูเหมือนต้มยำกุ้ง ปอเปี๊ยะเวียดนาม ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน

ลุกลามไปถึงการแต่งกายที่ดูอย่างกับว่าประเทศฟิลิปปินส์ อินโดฯ ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020) ไทยผสมๆกัน แปลกๆดี อะไรบางอย่างก็แอบดูเสมือนเครื่องประดับที่เอาไว้ขายนักเดินทางตามจตุจักรด้วย พวกที่เป็นเหรียญๆมีพู่ยาวๆหรือเบาะนั่งที่ราวกับพวกของกำนัลนักเดินทางก็มีในฉาก (ตลกดี นี่ถ้ามีกางเกงชาวเลลายช้างในเรื่องด้วยนี่ฮาเลย) ฉากหลายๆฉากก็ดูราวกับว่าเกาะบาหลีบ้าง

ตลาดท้องน้ำดำเนินสบาย อัมพวา บริเวณลุ่มน้ำโขง ป่าโกงกางอะไรทำนองนี้ จนกระทั่งไปถึงวังที่ดูคล้ายวัดเบญฯผสมๆวัดสไตล์ไทยๆมองสวยสดงดงามดี คือทั้งหมดทุกอย่างจะดูผสมๆกันนัวๆหน่อย มิได้ถูกต้องเรื่องวัฒนธรรมชาติใดชาติหนึ่งมากมาย ก็เข้าใจว่าจำต้องขายทั้งโลก (ขนาดพญานาคยังหน้าเหมือนม้ายูนิคอร์นเลย)

เลยมิได้จุดโฟกัสเรื่องความถูกต้องชัดเจนสำหรับการถ่ายทอดวัฒนธรรมมากเท่าไรนัก (บางโอกาสขนาดหนังฝรั่งเองยังถ่ายทอดกันผิดๆเลย พวกหนังอารยธรรมอียิปต์ หรือเอาเพียงแค่ไททานิกยังมีหลายอย่างผิดเลย ไปพบมองเอาได้)เรื่องงานอนิเมชั่นไม่เอ่ยถึงไม่ได้เลย งามตระการตามาก แล้วยิ่งนำเสนอศิลปะแบบเอเชียอาคเนย์ด้วยแล้วยิ่งสวยงามวิจิตรตระการตาเข้าไปใหญ่ มองหรูดี งานภาพ

มุมกล้องออกแบบมาพอดีสวยสดงดงามเพลิน ตอนแอคชั่นก็เท่มากๆสนุกตื่นเต้นผสมความเพลิดเพลินสลับกันไปเกือบจะตลอดเรื่อง งานเพลงก็สะดุดตาด้วยเหมือนกัน เป็นไม่ได้มีเพลงจ๋าอะไรแบบ Frozen หรือ Aladin แม้กระนั้นเพลงในเรื่องช่วยเสริมอารณ์ในแต่ละซีนก้าวหน้ามากๆถ้าซีเรียสต้องการดูเงียบๆแนะนำให้ดูระยะเวลางานวันปกติ ถ้าหากช่วงเย็นรวมทั้งเสาร์อาทิตย์ก็จะมีน้องๆพร้อมใจกันเชียร์รายาด้วยกับเรา (ก็สวยและไม่เหงาดีนะ) ดูแล้วติดใจ ระดับอยากมองอีกรอบเลยล่ะ คุ้มค่าตั๋วแน่นอนที่มามีหนังสั้นดิสนีย์ด้วย เพียงแค่ดูหัวข้อนั้นก็คุ้มแล้ว

กลับสู่หน้าหลัก https://pubbellyboys.com/