Kingdom Season 2 (2020) ไม่มีโฆษณา

Kingdom Season 2 (2020) ไม่มีโฆษณา

Kingdom Season 2 (2020) ไม่มีโฆษณา

Kingdom Season 2 (2020) ไม่มีโฆษณา ด้านเนื้อเรื่องสิ่งที่จำต้องชื่นชมสำหรับซีรีส์นี้ก็คือ การเล่าเรื่องที่กระชับเร็ว ไม่มีจุดพักหายใจให้พักสายตาจากหน้าจอสักเท่าไหร่นัก อย่างที่ดาราหนัง ริวท่อนไม้ยองที่สวมบทบาทโจฮักจูเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่าตอนเขาอ่านบทเขาอ่านรวดเดียวจบขณะที่ 4 อย่างยิ่งจริงๆ รวมทั้งเป็นแบบนั้นจริงๆเหตุการณ์เปลี่ยนและเดินไปด้านหน้าแบบนันสต็อปมากๆแม้จะมีการใช้แฟลชแบ็กเพื่อเล่าย้อนบ้างแม้กระนั้นก็เป็นการเปิดเผยสาระสำคัญอย่างเช่น สมัยก่อนเมื่อ 3 ปีก่อนที่นักแสดงมักกล่าวถึงว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือบางครั้งก็เพื่อมาเรียกน้ำตาจากการย้ำความเกี่ยวเนื่องในอดีตกาลของนักแสดงบางตัวด้วย เมื่อไม่มีจังหวะหายใจรวมทั้งต้องคอยคิดตามเรื่องราวที่หลอกล่อผู้ชมไปมาตลอดเวลาทำให้ลดการมองมองเห็นรอยโหว่รอยรั่วของเรื่องไปได้ด้วย อย่างพวกความประพฤติของผู้แสดงบางตัวที่ราวกับจะโก้แต่ว่าก็มองโง่ๆไปพร้อมกันเมื่อคิดตามในตอนหลัง แต่ว่าในจังหวะที่ดูมันก็ตื่นเต้นจนกระทั่งลืมคิดไปเลย จะพูดว่าซีรีส์แก้ข้อบกพร่องของบทด้วยบทก็ว่าได้พวกกลุ่มตัวละครหลักเองยังมีหน้าที่ที่สำคัญในเส้นเรื่องของตนอย่างไม่มีเผลอไผล คือมีเป้าหมายของแต่ละตัวละครแจ่มชัดขึ้นเรื่อยตรงเวลาที่ผ่านไป โดยยิ่งไปกว่านั้นตัวองค์ชายอีชางที่เรารู้สึกเพียงแค่เขาอยากทวงสิทธิ์อันถูกต้องของตนเองจากเจ้าขุนมูลนายเลวทราม แต่ว่าในซีซันนี้เขาก็ได้รับการผ่านอุปสรรคที่ทำให้แสดงจุดยืนของตนชัดขึ้นเรื่อยๆจนนำมาซึ่งการก่อให้เกิดฉากจบที่อาจไม่มีผู้ใดคาดหมาย ดูหนัง Kingdom Season 2 (2020) การมีเป้าของตนชัดนับได้ว่าเป็นคุณลักษณะเด่นที่ดีเพราะว่าทำให้ดาราหนังทั้งยังบทหลักและบทรองจุดโฟกัสกับฉากขายของตนเองและกำเนิดซีนที่สวยน่าจำของแต่ละตัวละครได้ทั้งนั้น ขนาดผู้แสดงรองตัวใหม่ที่เสริมเข้ามาในซีซันนี้ยังมีฉากหรูๆเลยนอกนั้นยังส่งผลให้ซีรีส์นี้ผลักดันเรื่องราวด้วยพลอตและยังให้ความเจริญของตัวละครช่วยเหลือเนื้อเรื่องไปได้พร้อม จริงๆก็เป็นเรื่องที่ประเทศเกาหลีทำเก่งอยู่แล้วแต่ว่าที่จำต้องชื่นชอบขึ้นไปอีกในซีซันนี้คือเส้นกราฟของเรื่องที่วูบวาบมาก และก็ยังใส่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการสกัดปกป้องโรคระบาดที่อินเทรนด์ขณะนี้สุดๆไปพร้อมด้วยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแก่งแย่งชิงดีในอุดมการณ์การปกครองที่ต่างกันอันเป็นเรื่องสากลได้กลมกล่อมละมุนละไม ไม่มีคำว่ามิตรหรือญาติพี่น้องอีกต่อไป ทำให้เรื่องราวยากคาดเดา บันเทิงใจตั้งแต่ต้นจนจบ หากแม้หลายชนิดเราจะคาดเดาได้มาตั้งแต่ตอนจบซีซันแรกอย่างเรื่องคนหักหลัง หรือเรื่องบุตรชายที่จะคลอด แต่มันก็ยังมีรายละเอียดบิดให้เรื่องมีน้ำหนักน่าดึงดูดไปต่อได้อีก

ทางด้านดาราหนัง ขอไล่ไปครั้งละคนเลย

เริ่มตั้งแต่ ฟ้า ษริกา ที่จัดว่ามีประสบการณ์มากยิ่งกว่าเพื่อนฝูงร่วมดาราหนังคนอื่นก็รับผิดชอบบท เนเน่ ก้าวหน้าเลยแหละ คุณมาและความสวยสดงดงามที่เชิญสะกดในหลายๆฉาก, ตามมาด้วย มีน พีรวิชญ์๋ ที่ตีโจทย์นักแสดง ลำพัง ได้แตกและก็แสดงออกมาได้ดี, ทางด้าน เซ้นต์ ศุโลกงษ์ ในบทโอม ออกจะน่าผิดหวัง เอาจริงเอาจังๆในตอนแรกที่เขาเผยตัวนี่รู้สึกว่าเป็นเกย์

ไม่มีแวปในหัวเลยว่าจะมาเป็นชายแบดบอยอะไรอย่างงั้น แลดูเป็นตัวละครที่เล่นแข็งที่สุดแล้วใน 4 คนหลัก แล้วก็เหมือนจะพยายามวางท่าทุกซีนมากจนเกินไปหน่อย แถมนักแสดงผู้หญิงอีกคนในพาร์ทของเขาก็แข็งไม่แพ้กัน การพูดบทของคุณนั้นอย่างกับนั่งอ่านบทอย่างไรแบบนั้น, แต่ว่าคนที่น่ากล่าวสรรเสริญที่สุดเป็น พีค ภีมพล ที่แสดงก้าวหน้าและสะดุดตามากมายจากทั้ง 4 คน

ไม่ว่าจะซีนอารมณ์แบบไหนเอาอยู่หมดเลย ทั้งยังสีหน้า ลีลา คำบอกเล่า จัดว่าโดดเด่นมากๆเล่นเจริญรวมทั้งเป็นธรรมชาติแบบสุดๆและเรื่องที่จะอดสรรเสริญไม่ได้เลยในประเด็นนี้คืองานภาพ มีหลายโลโคชั่นในหนังที่ไม่ค่อยได้ถูกนำเสนอออกมาในภาพยนตร์ไทยสักเท่าไหร่ มีการใช้สีใช้แสงสว่างที่งาม

และก็ฉากช่วงเวลาค่ำคืนหลายๆฉากทำออกมาได้งามมากจริงๆสรุปแล้วนี่เป็นหนังรักธรรมดาที่คอนเซ็ปต์น่าดึงดูด ที่มันจะพาพวกเราไปเห็นเรื่องราวความรักที่มีจุดศูนย์รวมกันของแต่ละมุมมองผ่าน 4 นักแสดง ที่ถึงแม้ทุกคนจะเป็นตัวเอกในเรื่องราวของตนเอง ทุกคนก็มีอีกทั้งข้อเด่นและจุดไม่ดี มีข้อบกพร่องในเรื่องราวของตนเอง แต่ว่าทุกคนก็มีเรื่องต้องการจะวิงวอน (เธอ) อยู่เช่นกัน

การแสดงการแสดงของผู้แสดงก็นับว่าดีดุดันสมบทบาท

มีความเป็นกลุ่มมากกว่าเด่นโดดเดี่ยวๆเป็นรายตัว ถึงกระนั้นดูหนังก็จะต้องดู แบดูนาที่ยังเล่นได้พอดิบพอดีแบบไม่ล้น จูจีฮุนที่ให้ความรู้สึกว่าผู้แสดงมีความเจริญอยู่ตลอดเวลา ริวไม้ซุงยองที่ยังใช้น้อยทำมากมายเล่นกับบทนิ่งๆใช้สายตากับน้ำเสียงข่มฝั่งพระเอกเอาอยู่หมัด และก็เป็นตัวร้ายที่ร้ายได้ของไม่หมด สมศักดิ์ศรีในการขับเคลื่อนเรื่องด้วยความเหี้ยมโหดอำมหิตน่าหมั่นไส้และน่าน่ากลัวไปพร้อมกันมากมายๆรีวิว Kingdom Season 2

ทางด้านงานสร้างก็มีฉากใหญ่ๆมาขายได้ตลอด Kingdom Season 2 (2020) ไม่มีโฆษณา โดยยิ่งไปกว่านั้นฉากช่วงท้ายที่เข้ามาในวังลากไปจนกระทั่งการต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่ออกแบบมางามมากๆมุมกล้องถ่ายรูปเบิร์ดอายทิวทัศน์โชว์พลังของการรุกของซอมบี้กับการตั้งรับสุดแรงต่อต้านของพวกพระเอกก้าวหน้าบ่อยครั้ง แม้ว่าจะติดใจอยู่บ้างกับฉากรบเปิดเรื่องที่ตลอดจากซีซันแรกมาว่าควรจะเป็นฉากใหญ่ยักษ์ที่เมืองซังจูแน่นอนแม้กระนั้นเอาจริงเอาจังมันก็ไม่ขนาดที่คาดหมาย

เพราะว่าราวกับเรื่องจะรีบเล่าไปยังจุดต่อไปเสียมากกว่า ทำให้ฉากการรบช่วงต้นเรื่องนั้นไม่ตื่นเต้นมากมายเท่ากับฉากเมืองทงเรแตกหรือฉากดารานำชายย้ายถิ่นประชาชนหนีซอมบี้ผ่านชายเขาในซีซันแรกได้เลย แต่ก็เพราะเหตุว่าบทซีซันนี้ยุแหย่เราไม่หยุดรวมทั้งเล่าจุดต่อจุดสถานการณ์แบบชวนให้รู้เรื่องด้านหน้าตลอดทำให้เราไม่ทันรู้สึกถึงข้อบกพร่องพวกนี้

หนังโดดเดี่ยววีรบุรุษหญิงสมัยข้างหลังๆที่สร้างออกมาแล้วปัง

คงหนีไม่พ้นขุ่นแม่ วันเดอร์วูแมน ที่แถบจะเป็นเดอะหาม คนแรกของ DCEU จักรวาลหนัง DC เลยก็ว่าได้ (เพราะเหตุว่าเป็นเรื่องแรกที่ได้คะแนนมะเขือสด) เป็นหนังที่หลายเสียงมีความเห็นว่าภาคแรกนั้นกลมกล่อมเล่าออกมาได้น่าติดตามอย่างมากมาย ไม่วายที่จะได้สานต่อภาคใหม่ แต่ก็ยังคงคอนเซปที่ว่า ยังมิได้สืบต่อในไทม์ไลน์ปัจจุบันนี้ ที่เป็นเรื่องราวหลัง Justice League แม้กระนั้นจะเล่าย้อนไปปี 1984 สมัยที่สีสันแฟชั่นของคนสมัยนั้น น่าหลงไหลเรื่องราวในภาคนี้ จะดำเนินอยู่ในช่วงปี 1984 ภายหลังที่คุณได้เรียนรู้ที่จะอยู่ในสังคมของคนเราโลกธรรมดา

เธอยังคงออกคุ้มครอง และก็ช่วยเหลือคนที่ได้รับความเดือดร้อน หรืออันตรายต่างๆในชื่อวันเดอร์ วูแมน จนกระทั่งมาวันนึง ก้อนหินยอดเยี่ยมที่ไม่ว่าใครก็ตามสัมผัสหินก้อนนี้แล้ว อธิฐานขอพร แล้วพรนั้นจะสำฤิทธิ์ผล ตอนแรกไดอาน่าเองก็ไม่ได้อยากต้องการจะเชื่อว่าจะเป็นจริง คุณก็เลยลองขอพรเล่นๆต้องการที่จะให้แฟนเก่าอย่าง สตีฟ เทรเวอร์ กลับมา จนแล้วจนรอดสตีฟก็กลับมาจริงๆหากแม้จะอยู่ในร่างของเพศชายคนนึงที่ไม่เคยมองเห็นหน้าก็ตาม ด้วยความมหัศจรรย์ของหินวิเศษนี้ทำให้วันเดอร์ วูแมนจำต้องออกค้นสาเหตุของหินก้อนนี้

เนื่องจากว่ามันบางทีอาจแฝงมาด้วยภัยร้ายครั้งใหม่ ซึ่งสามารถทำให้อารยธรรมของผู้คนทั่วทั้งโลกจะต้องหมดสิ้นไปเลยก็ได้หลังจากได้ดูแล้ว จำต้องบอกเลยว่า ผู้ผลิตมีความองอาจที่จะเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนกับภาคแรกอย่างสิ้นเชิง ตัวหนังจะมิได้ย้ำไปในทางแอคชั่น ต่อสู้ตูมตามแบบที่ภาคแรกทำไว้ ในภาคนี้จะย้ำการเดินเรื่องที่เรียบง่าย

ย้ำกรรมวิธีการค่อยๆปูแบคกราวเกรียวนักแสดงหลักในเรือง ไม่เว้นแม้แต่การปูเรื่องของตัวร้าย อะไรที่เป็นจุดเริ่มแรกที่ทำให้คนๆนึง สามารถกลับตัวเองให้มาร้ายได้ ถ้าไม่ได้การปูเรื่องในจุดนี้ อาจจะไม่อาจจะทำให้จุดสุดยอดช่วงท้ายเรื่องส่งผลกับผู้ชม หรือทำให้ผู้ชมอิน แล้วก็เห็นใจทุกตัวละครเลยแม้กระทั่งตัวร้ายก็ตาม ถือเป็นหนังฮีโร่ที่มีตัวร้ายที่มีมิติ น่าติดตามเป็นที่สุด

สรุปอย่างไรก็ดีเมื่อมองดูในรูปภาพรวมของทั้ง 6 ตอน

เว็บดูหนังก็ยังสามารถเรียกได้ว่า Kingdom Season 2 เป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านงานโปรดักชั่นที่ไม่ไก่กาเลย ไม่ว่าจะฉากต่างๆหรือรูปร่างหน้าตาสไตล์การแต่งตัวเรารู้สึกได้ว่านี่เป็นหนังที่ลงทุนไม่ใช่แค่โปรยปรายเงินแต่ยังพิถีพิถันในแง่ของขั้นตอน บางทีอาจจะติดเพียงแค่การจดจำนักแสดงที่พอเพียงฤดูกาลนี้ดันใส่ชุดคล้ายกันแถมผู้ชายก็ไว้หนวดกันเกือบทุกคน (ซึ่งเกิดเรื่องรู้เรื่องได้จากสถานที่กาณณ์ในเรื่อง)

ก็กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความยากขึ้นมาในการจำหรือแบ่งแยก แต่ว่าเพียงพอตอนกลางเรื่องก็จะเริ่มจบปัญหานี้ไปรวมทั้งแม้ว่าจะมีความรู้สึกว่ามันมีปัญหาในการดำเนินเรื่องหน่อยเดียว แต่ก็โอเคที่มันเล่ากระชับ อีกทั้งอาจจะมีความคิดว่าน่าสนใจอยู่ในด้านของไดเรคชั่นที่เรื่องดำเนินไปในตอนสุดท้าย บางคนอาจสัมผัสได้ว่ามันกำลังดูจะออกทะเลชอบกล

แต่เหตุผลในเรื่องก็มีให้ไว้หลวมๆจนถึงหากจะนำไปต่อยอดก็พอถูๆไถๆไปได้โดยไม่ตะขิดตะขวงนัก ซึ่งส่วนตัวเป็นคนรับอะไรแบบงี้ได้ง่ายอยู่แล้ว จะท่ายากท่าแปลกประหลาดแค่ไหนก็พร้อมจะเปิดใจพิสูจน์ ยิ่งกว่านั้นกับเซอร์ไพรส์ในฉากสุดท้าย ก็ช่วยกระตุ้นต่อมจินตนาการให้ไกลออกไปอีกว่าซีซั่นหน้าจะเล่าเรื่องยังไงกันนะแล้วก็หากคนใดกันแน่อยากทราบว่ามีซีซันต่อหรือเปล่า

ทางคนเขียนบทอย่าง คิมอึนฮี ได้ให้สัมภาษณืไว้แล้วว่าหากแฟนๆต้องการและนักลงทุนส่งเสริมคุณสามารถเขียนได้เป็น 10 ซีซันเลย และตามนั้นเลย แม้ช่วงปลายในเวลาที่ 6 ของซีซันนี้จะมีผลให้คิดว่าเอ้อเรื่องมันลงตัวหมดแล้วไม่น่ามีภาคต่อแล้วล่ะ แต่ 10 นาทีในที่สุดที่ จอนจีฮยอนจะปรากฏตัวตามข่าวโคมลอยนั้น ต้องบอกว่าเรื่องยังไปได้อีกไกลล่ะงานนี้

รอดูเลยโดยรวมใครกันแน่ติดตาม Kingdom อยู่แล้ว คิดว่าประเด็นนี้คงจะไม่พลาดกันอยู่แล้ว แต่ว่าหากผู้ใดกันยังไม่เคยมอง เสนอแนะให้ดูรวดเดียว 2 Season ไปเลยครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเมืองชิงอำนาจ เนื่องจากว่ามีประโยคคมๆจากในซีรีส์มากไม่น้อยเลยทีเดียว ส่วนฉากซอมบี้แม้ว่าภาพรวมจะออกมาน้อย (ไปเน้นย้ำการบ้านการเมืองมากกว่า) แม้กระนั้นฉากที่มีซอมบี้ก็ทำออกมาได้ดีมากๆเลยเชียวนะครับ

ถือเป็นหนังอีกหัวข้อที่พล๊อตแปลกแล้วก็น่าดึงดูดมาก

เมื่อจับเอาทหาร ต้องมาเฝ้าคฤหาสเก่าหลังใหญ่ ที่ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งสิงสูอยู่ เป็นอะไรที่ค่อนข้างจะแหวกแล้วก็แปลกอย่างยิ่งจริงๆเรื่องราวเริ่มด้วยย้อนไปยุคสงครามโลกครั้งที่ 3 ทหารอเมริกันได้ถูกส่งให้เดินทางไปผลัดเวรในคฤหาสแห่งหนึ่ง ซึ่งที่แห่งนั้นเคยถูกยึดโดยพวกเยอรมันมาก่อน จนแล้วจนรอดทหารก็เริ่มได้สัมผัสถึงพลังงานประหลาดบางสิ่งบางอย่าง

ที่ทำให้แม้กระทั้งทหารแมนๆก็ยังจำต้องระแวงกันเลยทีเดียวโดยรวมตัวหนังนั้นปฏิบัติภารกิจการเป็นหนัง สยองขวัญ ตื่นเต้นได้ ค่อนข้างจะดีเลยทีเดียว ฉากตุ้งแช่ ใส่มามากไม่น้อยเลยทีเดียวจริงๆ(ก็พอเดาจังหวะได้อยู่) แต่ว่าก็แปลกที่ทราบทักทราบว่าจะมีอะไรโผล่มาให้ตระหนกตกใจ ด้วยความที่หนังนั้นไม่กซ์เสียงมาโคตรดัง ทำเอาผวาเช่นกัน อันนี้จำเป็นต้องดูคนมิกซ์เสียงจริงๆ

ในบรรดาภาพยนตร์ไทยปลายปี 2020 นี้ดูท่าประเด็นนี้

จะเป็นหนังที่ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยคอย เพราะไม่ว่าจะเป็นการันแปลความหมายบันเทิงใจโดยค่าย GDH แล้ว ยังมีดาราตัวแม่ตัวบิดาแน่นไม่ว่าจะเป็น ณเดโช, ใบเฟิร์น พิมพ่อ, แหม่มแคทลียา, แบงค์ ธิติ เป็นหนังที่หน้าหนังการันทีความเพลิดเพลินอยู่แล้วจริงๆเรื่องราวเกี่ยวกับ อินา อดีตกาลสาวแบงค์ ผู้เป็นหนีกว่า 5 แสนจากการที่คุณให้ สมัยก่อนแฟนยืมเงินไป แล้วไม่คืน

เธอจำต้องมาชดใช้เอง อยู่มาวันหนึ่งเธอได้ถูกทาวเวอร์ (มิจฉาชีพมือดี) โทรมาหลอกให้โอนเงิน แต่ว่าแล้วอินาดันรู้เท่าทันเลยจัดการอัดเสียงพูดคุย และข่มขู่กลับไปว่าจะเอาไปแจ้งตำรวจ จนแล้วจนรอด ทาวเวอร์ได้ติดต่อขอสะสางเรื่องคลิปกับอินา แล้วอินาก็ได้ปิ๊งไอเดียที่จะให้ ทาวเวอร์ ช่วยหลอกเอาเงิน 5 แสนคืนจากคนรักเก่าคุณ กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดแผนลวงครั้งใหญ่จะว่าไปแล้วตัวหนังเองก็ดำเนินเรื่องในสไตล์ GDH ไม่ผิดสติไม่ดี ฉาบด้วยฉากเฮฮา (ที่บางมุข ค่อนข้างดูแหวะๆ) แต่ว่าโดยรวมแล้วถือว่าเพลิดเพลินๆดีสำหรับภาพยนตร์ไทย ที่ช่วย Made My Day

หนังแนวแวมไพร์ที่ห่างหายไปนานหลังกระแสหนังซอมบี้เป็นเทรนด์ฮิตกว่า

ซึ่งเรื่องนี้แม้ว่าจะออกสตาร์ทว่าเป็นแวมไพร์ แต่ก็มีส่วนผสมของซอมบี้เข้ามาเกี่ยวอย่างชัดเจน โดยใช้สถานการณ์ในที่จำกัดบนเครื่องบินมาบีบคั้นให้เรื่องน่าตื่นเต้นเข้าไปอีก ลักษณะเดียวกันกับหนังงูบนเรือบินอย่าง Snakes on a Plane ซึ่งโครงเรื่องที่ว่าด้วยพวกกลุ่มโจรจักจี้เครื่องบิน แต่ว่าจำเป็นต้องมาเจอกับผู้โดยสารที่เป็นแวมไพร์ ก็เป็นอะไรที่ดูน่าดึงดูดมากมาย

แม้กระนั้นสิ่งที่เป็นปัญหานั้นก็คือการเล่าเรื่องในที่จำกัดอย่างงี้จะสามารถสร้างฉากระทึกได้มากเพียงใด แถมนี่ยังเป็นหนัง Original Netflix แท้ๆจากผู้ผลิตชาวเยอรมันอีกด้วย ซึ่งก่อนดูก็แอบห่วงอยู่ว่าจะไม่ไหวตามสไตล์หนังเน็ตฟลิกซ์ที่ไอเดียอาจจะดี แม้กระนั้นทุนต่ำจนถึงทำอะไรมากมายไม่ได้ แม้กระนั้นข้างหลังได้รับดูจะต้องบอกเลยว่ากลับทำได้มากกว่าที่คิดไว้ซะอีกครับผมรีวิว Blood Red Sky

หนังแวมไพร์สไตล์ซอมบี้ในที่จำกัดบนเรือบินที่เชื้อเชิญระทึกตั้งแต่ต้นจนกระทั่งจบ (ไม่สปอยล์) 1ถึงหนังประเด็นนี้จะเปิดตัวแบบขัดเจนว่าเป็นแถวสยองขวัญเหนือธรรมชาติตั้งแต่ทีเซอร์แรก Kingdom Season 2 (2020) ไม่มีโฆษณา แต่บทของโจรจักจี้เรือบินก็ไม่ได้ทำออกมาแบบชุ่ยให้เพียงพอผ่านๆเพื่อไปเล่นเรื่องแวมไพร์อย่างที่เข้าใจกัน ยิ่งปัจจุบันนี้สายการบินทั้งโลกออกกฎปิดช่องทางการก่อวินาศกรรมบนเครื่องบินไว้รัดกุมมาก

จนกระทั่งทำให้เพียงแค่คิดบทว่าจะจี้เรือบินยังไงให้สมจริงก็ยากแล้ว แต่ว่าบทของโจรในเรื่องนี้ก็ยังหาวิถีทางจี้เครื่องบินให้สมจริงน่าไว้วางใจได้ เริ่มตั้งแต่อาวุธที่หลุดรอดการตรวจขึ้นเครื่องได้เป็นอย่างไร ปืนเอามาจากไหน (ในเรื่องมีปืนสองกระบอก) แรงกระตุ้นคืออะไร การหนีเอาชีวิตรอดจากเครื่องบินจะทำเช่นไร ซึ่งถ้าเกิดตัดแวมไพร์ออกไปนี่ก็เป็นหนังอาชญากรรมจักจี้เครื่องบินที่เขียนบทมาดีเลย

ทุกสิ่งเป็นไปได้ และยังมีจุดที่ครึ่งๆปลายเปิดให้คนดูคิดกันเองเหตุว่าแรงบันดาลใจที่แท้จริงของเหล่านี้เป็นอย่างไร ซึ่งดูสมเหตุผลกว่าการจี้เรือบินเพื่อเรียกค่าไถ่หรือจี้เพื่อก่อการร้ายเพียงอย่างเดียว แถมหนังก็ยังสร้างให้มิจฉาชีพเหล่านี้ชั่วร้ายแบบไม่มีปราณี มีฉากต่อรองฆ่าตัวประกันแบบโหดเหี้ยมๆแบบไม่มียั้งมือเลย แบบนับ 1-3 ยิงทิ้งในทันที ทำให้เรื่องดูโหดเหี้ยมสมจริงมากขึ้นไปอีก

และก็มีที่พิเศษนิดๆเป็นดาราที่มาเล่นเป็นหัวหน้าขโมยกลุ่มนี้คือ Dominic Purcell จากบท Lincoln Burrows พี่ชายของสกอฟิลด์ตัวเอกในซีรีส์ดัง Prison Break นั่นเอง ซึ่งลุคกับอะไรหลายๆก็เหมาะเจาะมากมาย เชื้อเชิญให้นึกถึงบทเดิมที่แจ้งกำเนิดเขา แม้กระนั้นน่าเสียดายที่บทในประเด็นนี้เขามิได้เป็นตัวร้ายหลักของเรื่องเพียงแค่นั้น

กลับสู่หน้าหลัก https://pubbellyboys.com/