hdrive eco spec

hdrive eco spec

hdrive eco spechdrive eco spec โช๊คอัพ รถยนต์เป็นอะไหล่สำคัญของระบบตอนล่าง ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋งหรือรถปิคอัพ ยิ่งภาวการณ์หนทางบ้านเราแล้วมีโอกาสอย่างมากที่อะไหล่บางพวกจะผุพังเร็วกว่าอายุการใช้งานจริง นี่จะเป็น 5 ปัญหา ที่พวกเรามักสงสัยไปดูกันว่าจะมีปัญหาไหนตรงกับหัวใจเราบ้างรึป่าวประกาศ

1.น่าจะซ่อมหรือแปลงดีมากยิ่งกว่ากัน ?ตอบ บางทีอาจตอบได้อีกทั้ง 2 แบบครับ ให้ดูอาการจะดีมากยิ่งกว่า profender เป็นต้นว่า ใช้ยังไม่ถึงปีแต่ว่ามีการรั่วซึมของน้ำมันข้างใน ก็มีช่างที่รับปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซม แต่ว่าถ้าอายุ 5 ปีขึ้นไป การทำงานไม่ดีดังเดิม hdrive b spec กดลงไปไม่คืนตัวหรือคืนตัวช้ามากมายก่ายกอง ก็เสนอแนะให้แปลงครับ

2. จะต้องตั้งศูนย์รถยนต์ใหม่ด้วยไหม?ตอบ อาจไม่มีความจำเป็นที่ต้องตั้งศูนย์แม้ว่าแปลงแบบธรรมดา แต่หากจะยกสูงหรือโหลดต่ำลงก็ชี้แนะว่าจึงควรตั้งศูนย์ด้วยขอรับ

3. ทำไมราคาถึงราคาแพงไม่เหมือนกัน แล้วผิดแผกแตกต่างเช่นไร ?ตอบ จะถูกหรือแพง โดยมากอยู่ที่แบรนด์ของอะไหล่ เทคโนโลยีใหม่ๆและก็เครื่องมือเครื่องใช้สำหรับในการผลิตขอรับ ทดสอบไตร่ตรองจากการใช้รถยนต์ของท่านแล้วกันว่าที่ไหนจะเหมาะสมที่สุด

4. ใช้รถยนต์นานแค่ไหนถึงถึงเวลาปลี่ยน ?ตอบ อายุการใช้งานมากมายอยู่ที่ 5 ปี หรือโดยประมาณ 50,000 ข้อพึงปฏิบัติ (คร่าวๆ 1 หมื่น กฎที่ต้องปฏิบัติตาม/ปี) ทั้งนี้อยู่ที่การใช้แรงงานของท่านด้วย อาทิเช่น ย้ายหรือบรรทุกของหนักๆ, ให้บริการ Taxi , ขับระยะทางไกลเป็นประจำก็เป็นสาเหตุที่ทำให้อายุของอะไหล่สั้นลง

5. แบบก๊าส หรือ น้ำมัน แบบไหนดีมากยิ่งกว่ากัน ?ตอบ นิยามอย่างง่ายของแต่ละแบบ ดังต่อไปนี้ขอรับ แบบก๊าส จะให้ความแข็งแรงหยาบมากกว่าถ้าหากคุณประทับใจ profender ขับขี่รถที่ใช้ความเร็วสูง ไม่ค่อยสัมผัสเบรค แบบก๊าสคงตอบปัญหาเยอะที่สุด ส่วนแบบน้ำมัน จะให้ความละมุนละไมสำหรับการขับมากกว่า เหมาะสมกับขับขี่รถในเมืองที่ใช้ความเร็วต่ำ

โช้คอัพ (Shock Absorber)เป็นวัสดุอุปกรณ์สำคัญ ที่ช่วยรองรับแรงชน รวมทั้งลดแรงสั่นของรถ มีหน้าที่ช่วยควบคุมการดีดตัวของสปริง-แหนบ หรือช่วงล่างให้ใกล้เคียงไปกับเรื่องราวของพื้นถนนในเวลาที่รถยนต์วิ่ง โช้คอัพที่มีคุณภาพสูง จะช่วยลดการเสียดสีแล้วก็การร่อยหรอของยาง ตลอดจนอะไหล่ตอนล่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกหมาก บู๊ชยาง ระบบกันสั่น ตลอดจนช่วยทำให้รถยนต์เกาะหนทางเจริญทั้งทางตรงรวมทั้งขณะเข้าโค้งเราบางทีอาจเคยได้ยิน แบบเดิมๆกับ แบบแต่ง

ก็อาจมีปัญหาสำหรับคนที่ใช้รถยนต์ธรรมดาอย่างพวกเราๆว่ามีด้วยหรือ?แล้วที่ว่าแบบเดิมกับแต่ง ไม่เหมือนกัน profender อย่างไร? แล้วต้องเปลี่ยนไหม ? ก็จะบอกอปิ้งนี้ครับว่าบางทีก็อาจจะไม่สำคัญในเรื่องที่ท่านขับรถบนถนนในเมือง ซึ่งแบบแต่งนั้นจะนิยมในกลุ่มนักแต่งรถยนต์ หรือนักชิงชัยสายซิ่งที่อยากได้เพิ่มความรู้ความเข้าใจของรถยนต์สำหรับเพื่อการขับขี่รถ การยึดเกาะหนทางแบบงั้น

มาดูกันว่าของเดิมๆมีกี่แบบ

1. ประเภทกระบอกลำพัง (Mono Tube)ลักษณะของกระบอก จะเป็นชิ้นเดียวตามชื่อ ถึงแม้ว่าแบบผู้เดียวนี้จำเป็นมากที่จะต้องใช้เครื่องใช้ไม้สอยที่มีความแข็งแรง-คงทนสูง สามารถรับแรงชนได้ดีเยี่ยม หากแม้ตัวกระบอกไม่แข็งแรงพอเพียง แน่นอนว่าจะมีปัญหาสำหรับเพื่อการรับแรงจากรถยนต์ทั้งยังคันรวมทั้งแรงจากพื้นตอนที่ขับขี่ อาจก่อให้กระบอกเบี้ยวผิดรูปผิดร่าง แต่เพียงก็แค่แข็งแรงสิ่งเดียวก็น่าจะน้อยเกินไป ข้าวของที่ใช้ผลิตยังควรจะมีน้ำหนักค่อยอีกด้วย ก็เลยได้รับความนิยมในกรุ๊ปนักซิ่ง นักแต่งรถยนต์ จึงทำให้ราคาแพงแพงกว่าแบบอื่น

2. ประเภทกระบอกคู่ (Twin Tube)เป็นแบบที่ใช้งานกันอยู่ธรรมดา ที่เรียกว่ากระบอกคู่ ก็เพราะเหตุว่าภายในเป็นกระบอกสองชั้น (มีการจัดแจงของกระบอกที่ซับซ้อนกว่าแบบ Mono Tube พอควร) กระบอกด้านในปฏิบัติหน้าที่เป็น “กระบอกสูบ” ซึ่งมีน้ำมันที่ออกแบบมาเป็นพิเศษใส่ไว้ภายใน

ส่วนช่องว่างภายนอก จะเป็น “ช่องสำรองน้ำมัน” แบ่งเป็นอีก 2 แบบ เป็นแบบน้ำมันอย่างเดียวเรียก “พวกกระบอกคู่-แบบน้ำมัน” จะมีน้ำมันใส่ราว 2 ใน 3 ที่เหลือจะเป็นอากาศ การที่บรรจุน้ำมันในจำนวนที่มากช่วยในหัวข้อการขยับเคลื่อนที่นุ่มนวล อีกพวกยอดนิยมปัจจุบันนี้เป็น จำพวกกระบอกคู่-แบบก๊าส” ก็จะใส่ “ก๊าซ” เอาไว้ในช่องน้ำมันสำรองนี้ด้วย โดย”ก๊าส”นี้จะช่วยสำหรับในการตอบกลับที่เร็วทั้งยังการคืนตัวเร็ว-ยุบช้า แม้กระนั้นจะมีความแข็งแรงมากกว่าแบบน้ำมัน (ก๊าซมานะพยายามดันสู้ตลอดเวลา) ก็ได้หัวข้อการเกาะถนนที่ดี ลดอาการโคลงเคลงตัว แต่ว่าความนุ่มนวลก็จะลดน้อยลงกว่าแบบน้ำมันสรุปลักษณะเด่นของประเภทกระบอกคู่เป็นทุนการสร้างถูกกว่า ตัวสิ่งของไม่จำเป็นที่ต้องแข็งแรงเทียบเท่า จำพวกกระบอกลำพัง เพราะเหตุว่ากระบอกสูบจริงๆนั้นอยู่ข้างใน ด้านนอกเป็นช่องน้ำมันสำรอง ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องความแข็งแรง ทำให้ราคาไม่สูงเยอะแยะ จึงเป็นที่นิยมแล้วก็ใช้กันอยู่ธรรมดาแถมสำหรับผู้ที่ชอบใจ

โช๊คอัพ รถยนต์ แบบแต่ง จะแบ่งเป็น 3 แบบ

1.จำพวกปรับความสูงไม่ได้ลักษณะเช่นเดียวกันกับของเดิมๆที่ติดมากับรถยนต์ แค่เพียงมีการปรับแต่งให้มีความรู้ที่สูงขึ้น หนึบแน่นยึดเกาะผิวถนนเจริญรุ่งเรืองขึ้น ซึ่งสังเกตว่าจะไม่อาจจะปรับความสูงได้ เบ้าสปริงจะมีขนาดใหญ่ เท่าของเดิมที่สร้างจากโรงงาน เหมาะสมกับคนที่จับใจความหนึบโดยยิ่งไปกว่านั้น และถูกใจกับระดับความสูงจากพื้นของตัวรถยนต์ ไม่อยากที่จะให้โหลดหรือยกสูงมากมายไป

2.ชนิดสตรัทปรับเกลียวเป็นที่ชอบใจพอประมาณ รอบๆเบ้าสปริงสามารถปรับให้สูง-ต่ำได้จากที่ผู้ครอบครองรถยนต์พึงพอใจ มีสปริงทรงกระบอก เรียกว่า สปริงหลอด ที่ปรับความแข็งแรงหรือเรียกว่า “ค่า K.” ได้ ส่วนขนาดก็มีเป็นจำนวนมากให้เลือก ซึ่งจะแลเห็นได้ว่าปรับแก้มาจากแบบแรกนั่นเอง เป็นที่ชื่นชอบสูงที่สุดในวงการมอเตอร์สปอร์ตบ้านเรา

3. พวกสตรัทปรับเกลียว-แบบสไลด์กระบอกแบบสไลด์กระบอก สามารถปรับความสูงที่ตัวกระบอกได้เลย ไม่ต้องไปยุ่งยากปรับที่เบ้าสปริงแล้ว ช่วยไขปัญหาประเด็นการปรับความสูง แต่ว่าการปรับให้สามารถณะการทำงาน โดยรวมออกมาดีนั้นเกิดเหตุที่ท้าพอประมาณ นักซิ่งที่ใช้รถยนต์สำหรับการแข่งอยากได้ความรู้ความเข้าใจสูงๆทำให้อายุการใช้งานของรถยนต์สั้นลง การปรับความสูงของสปริง ก็จะยากขึ้นตามสภาพการณ์ของรถยนต์สรุปของแต่ง

มีประโยชน์ยังไงดูแล้วถ้าเกิดเราๆท่านๆขับในเมืองปกติบางครั้งก็อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องไปแปลงของเดิมๆจะแปลงอีกรอบก็แปลงตามภาวการณ์ของอะไหล่ที่หมดอายุใช้งานแล้ว ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ส่วนนักแข่ง สายซิ่ง ที่จะต้องเพิ่มความสามารถให้รถยนต์ ก็เห็นจะหลบลี้มิได้ แต่ว่าข้อระวังอาจจะมีการเกิดเรื่อง “การโหลดรถยนต์โดย “ตัดสปริง” ที่จะจำเป็นที่จะต้องใช้ช่างมีฝีมือสำหรับเพื่อการทำและจากนั้นก็ตรวจเช็คอย่างละเอียดลออก่อนใช้จริงเหตุเพราะสบโอกาสที่กระบอกสูบจะหักได้ในขณะที่ใช้งานหาก profender กล่าวถึงอายุการใช้งานของโดยปกติเยอะมากๆจะอยู่ที่ประมาณ3 ปีถึงแม้คิดเป็นปริมาณกิโลก็อยู่ระหว่าง 60,000 – 100,000 ก.ม. ถึงแม้ว่านี่เป็นแค่เพียง

การประมาณอายุการใช้งานเพียงแต่โดยประมาณเท่านั้น ส่วนสิ่งจำเป็นๆก็อย่างที่บอกครับ จำเป็นต้องขึ้นกับการใช้แรงงานของรถยนต์ด้วย หากธรรมดารถยนต์ใหม่ ใช้งานที่ 25,000 กฎหมายแล้วเราจำเป็นที่จะต้องนำรถยนต์เข้าไปเช็คที่ศูนย์บริการนิดหนึ่งว่าระบบตอนล่างยังรับแรงชน ช่วยลดแรงสะเทือนของตัวรถยนต์ขณะรถยนต์วิ่ง รวมทั้งช่วยทำให้รถยนต์เกาะหนทางขณะเข้าโค้งดีขึ้นอยู่หรือไม่อาการล่มจมเอ๋ยถึงอาการต่ำกันบ้าง เมื่อรถยนต์ของคุณผ่านการใช้แรงงานมาเป็นระยะเวลานานพอเหมาะ ตอนที่กำลังขับขี่ผ่านผิวรอยต่อหนทางหรือขึ้นเนินหลังเต่าจะรู้สึกได้ถึงแรงชนที่มากเปลี่ยนไปจากปกติหรือขณะที่กำลังขับรถยนต์ขึ้นสะพานจะรู้สึกแปลกๆว่ารถยนต์มีลักษณะอาการกระโดด ขับลงทางชันจะมีลักษณะอาการกระดอน ตอนที่ขับรถยนต์ผ่านผิวที่เป็นแอ่งกระทะ ความเร็วคร่าวๆ70-80 ข้อบังคับ/ช.มัธยม จะมีความรู้สึกได้ว่ารถยนต์มีลักษณะอาการบินเล็กหน่อย จากอาการข้างต้นนี้ สามารถพูดได้ว่าคุณควรจะเช็คภา

1.ตริตรองการคืนตัวเราสามารถใคร่ครวญการคืนตัวของรถยนต์ ได้อย่างง่ายๆเพียงใช้มือกดรถยนต์รอบๆมุมที่ประสงค์ทดลอง ออกแรงกดสัก 5 ครั้ง เพื่อพิเคราะห์การคืนตัวของรถยนต์ ถ้าหากการคืนตัวที่ค่อนข้างจะไวมีความหมายว่ายังธรรมดาอยู่

2.พิจารณารอยรั่วมองรอยรั่วของน้ำมันรอบๆข้อต่อต่างๆหากแม้พบรอยเปื้อนน้ำมันไหลออกมาจากกระบอก ก็ได้จังหวะที่กระบอกจะรั่วได้ ซึ่งทำให้คุณภาพการทำงานนั้น ลดลงไปเหตุเพราะน้ำมันที่ช่วยสร้างความนิ่มนวลพร่องไปจากเดิม

3.ตรองทรงแน่นอนว่าโดยปกติจะเป็นทรงกระบอกแบบสมมาตร ถึงถ้าหากดูด้วยตาเปล่าแล้วผิดเพี้ยนไป ก็ไม่ต้องสงสัยขอรับอาจจะตกหลุมใหญ่ๆมา หรือได้รับแรงชนหนักๆจนกระทั่งผิดรูปผิดรอยทรง การเปลี่ยนใหม่บางครั้งอาจจะเป็นแถวทางแรกๆของปัญหานี้ขอรับ

4.ดอกยางที่ล้อฝ้ายข้างใดข้างหนึ่งสึกเปลี่ยนไปจากปกติทดสอบเช็คหน้ายางที่รถยนต์ของคุณครับ ว่าดอกยางด้านไหนมีลักษณะอาการสึกเปลี่ยนไปจากปกติหรือเปล่า! หากว่าสังเกตุเจอร่องรอยการสึกที่ไม่บ่อยนักจากล้อข้างที่สงสัย อาจมีความหมายว่า ข้างนั้นๆของคุณอาจจะมีปัญหา

5.รู้สึกแปลกๆขณะออกสตาร์ท-เบรคทดลองดูเมื่อออกตัวและก็เบรคขณะที่กำลังขับขี่ด้วยความเร็วธรรมดา หากพบว่าในห้องโดยสารมีการสั่นสะเทือนมากยิ่งกว่าธรรมดา เวลาขับขี่รถขึ้นเนินหรือลูกระนาดจะพบว่ามีการกระเด้งขึ้น-ลง จนกว่ารู้สึกได้ว่าไม่นิ่มนวลอย่างที่จะต้องเป็น ให้รีบตรวจสอบทันทีทันใดครับผม

6.รถยนต์มีลักษณะบิน-ร่อนขณะที่กำลังขับรถยนต์ด้วยความเร็ว รู้สึกว่ารถยนต์มีลักษณะอาการโผบินน่าจะเป็นที่ โช๊คอัพ รถยนต์ บางตัวมีการชำรุดจวบจนถึงไม่สามารถที่จะสามารถควบคุมสมดุลของรถยนต์ได้เสมอเหมือนตัวอื่นๆด้วยเหตุดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย ให้รีบนำรถยนต์ไปตรวจเช็คที่ศูนย์หรืออู่ จะเยี่ยมที่สุดเมื่อทราบแบบนี้แล้ว รีบไปตรวจเช็ครถของพวกเรากันสักนิดสักหน่อยเพราะระบบตอนล่างเป็นจุดที่จำเป็นต้องรับแรงชนจากด้านล่าง และข้างบนอยู่ตลอดเวลา หากตรวจเจอความเปลี่ยนไปจากปกติควรรีบไปเข้าศูนย์บริการ หรืออู่ในทันทีทันใด เพราะไม่ใช่แค่เรื่องความนิ่มนวลในการขับขี่ ยังเกิดเหตุปลอดภัยของตัวคุณเองด้วยปัญหายอดนิยมเมื่อตอนนี้รู้แล้วว่า

ช๊อค-อัพ OEM กระบอกคู่ของ HONDA JAZZ GEด้วยเหตุผลที่กล่าวมาทั้งมวลนี้ ทำให้รถส่วนตัวในช่วงเวลานี้ ต่างมากับช็อค-อัพแบบกระบอกคู่นั่นเองขอรับช็อค-อัพ แบบไหน เหมาะสมกับรถยนต์แต่งสายสตรีท?สำหรับรถแต่งสายสตรีท ที่อยากได้ทั้ง ‘ความละมุนละไม’ สำหรับเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และก็ ‘ความรู้ความเข้าใจการขับขี่’ ด้วยเหตุผลดังกล่าว มันก็เลยถือว่าเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะสลับซับซ้อนสำหรับเพื่อการที่จะตกลงปลงใจว่า ช๊อค-อัพแบบไหน ที่เหมาะสมกับรถยนต์สายสตรีทแม้หลายต่อหลายผู้ผลิตช๊อค-อัพ ได้ชี้แนะเป็นเสียงเดียวกันว่า ช็อค-อัพแบบกระบอกคู่นั้น เหมาะสมกับสายสตรีทที่สุดแล้ว เพราะการขับขี่บนแนวทางโดยธรรมดานั้น จำเป็นต้องพบทั้งหลุม-ทั้งบ่อ ทางต่างระดับ แล้วก็ลูกระนาด ซึ่งการขับชี่ในรูปแบบนี้ จำเป็นจะต้องอาศัยช็อค-อัพที่มีสโตรคอย่างพอเพียง โดยเหตุนี้แล้ว ช็อค-อัพแบบกระบอกคู่ที่มีความหนืดสูงขึ้นมากยิ่งกว่าปกติ ก็เลยเหมาะสมกับรถยนต์แต่งสายสตรีทมากกว่า

ช๊อค-อัพ TEIN STREET ADVANCE (กระบอกคู่) ของ SUBARU BRZอย่างไรก็ดีสำหรับขาซิ่งที่ย้ำความรู้ความเข้าใจการใช้แรงงาน ก็บางครั้งอาจจะเล็งไปที่กระบอกคนเดียวก็ไม่ผิดครับ …ตกลงว่าหากคนใดกันแน่ย้ำ ‘ความละมุนละไม’

ย้ำการใช้แรงงานในชีวิตประจำวัน ขับในเมืองเป็นหลัก ก็จัดแบบกระบอกคู่ ถึงแม้ถ้าเกิดคนใดกันย้ำ ‘ความรู้ความเข้าใจ’ วิ่งเซอร์กิตถี่ๆลงแทร็คเดย์บ่อยๆก็จัดแบบกระบอกลำพังไปเลย จะได้จบๆช็อค-อัพ แบบไหน เหมาะสมกับรถแข่งเซอร์กิต?ในการแข่งประเภทเซอร์กิตแล้ว การเข้าโค้งอย่างเนื่องนั้นส่งผลทำให้น้ำมันช็อคมีอุณหภูมิสูงขึ้นมหาศาล kw อีกทั้งยังจึงควรพบกับความร้อนที่ระบายมาจากจานเบรก

ทำให้น้ำมันช็อค ยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ด้วยเหตุดังกล่าว ช็อค-อัพสำหรับรถแข่งก็เลยจำเป็นที่จะต้องสามารถระบายความร้อนได้อย่างรวดเร็ว แล้วก็คุณลักษณะนี้ ก็อยู่ในช็อค-อัพแบบกระบอกผู้เดียวนั่นเองขอรับ โน่นทำให้ช็อค-อัพกระบอกผู้เดียวแปลงมาเป็นขวัญใจของนักซิ่งเซอร์กิตและจากนั้นก็เป็นไอเทมที่จำเป็นมากเลยในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตทั้งยังแล้ว ช็อค-อัพกระบอกลำพัง ยังมีวาล์วลูกสูบที่ใหญ่มากยิ่งกว่าแล้วก็แข็งแรงกว่า ซึ่งทำให้มันสามารถรับแรงกดแบบชนได้อย่างไม่มีปัญหา ซึ่งแรงประเภทนี้ จะเกิดขึ้นขณะรถแข่งปีนป่ายเอเป็กซ์นั่นเองครับผมถึงช็อค-อัพแบบกระบอกลำพังจะมีสโตรคที่น้อยกว่าหากแม้สำหรับเพื่อการแข่งในเซอร์กิตแล้ว

การวิ่งบนแทร็คพื้นเรียบนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้สโตรคที่มากมาย ด้วยเหตุดังกล่าว ข้อบกพร่องในเรื่องของสโตรค ก็เลยไม่ใช่ปัญหาสำหรับรถแข่งจำพวกเซอร์กิตนั่นเองครับข้อสรุปจะมองเห็นได้ว่า ทั้งช็อค-อัพแบบกระบอกสันโดษแล้วหลังจากนั้นก็กระบอกคู่ ต่างก็มีจุดเด่น-เสียเปรียบ ที่ไม่เหมือนกัน โน่นทำให้ช็อค-อัพแต่ละแบบ มีความเหมาะสมสำหรับการใช้งานในลักษณะที่ต่างกันฉะนั้น พวกเราไม่สามารถพูดได้เต็มปาก…หรือพินิจพิจารณาได้โดยเด็ดขาด ว่า ช็อค-อัพแบบไหน…ที่เหนือกว่ากัน… เพราะช็อค-อัพทั้งสองแบบ ต่างมีลักษณะเด่นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิงนั่นเองขอรับเอาละขอรับ สำหรับบทความเรื่อง ‘พื้นฐานการเซ็ทอัพช่วงล่าง (ในเวลาที่ 2)’ ก็ขอจบลงแต่เพียงเท่านี้ สำหรับท่านนักอ่านที่อยากได้อ่านบทความเรื่อง ‘รากฐานการเซ็ทอัพตอนล่าง (ในขณะที่ 1)’ ก็สามารถกดที่ LINK นี้ ได้เลยจ้ะครับผม และจากนั้นก็ท่านคนอ่านสามารถติดตามบทความเชิงกลเม็ด และอัพเดทข้อมูลด้านยานยนต์ถึงที่กะไว้แฟนเพจ Joh’s Autolife

กลับหน้าหลัก