Dragon Quest Your Story (2019)

Dragon Quest Your Story (2019)

Dragon Quest Your Story (2019)

Dragon Quest Your Story (2019) เป็นอีกหนึ่งแอนิเมชันที่น่าจะมีคนรอดูอยู่มากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอเกมเมอร์ที่เติบโตมากับเกมภาษา หรือ RPG (Role-playing Game) จากฝั่งประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งเกมที่ดังเป็น 2 เสาหลักที่แข่งกันมาตั้งแต่ยุค 1980s แล้วก็ยังมีผลงานตลอดมาถึงตอนนี้ก็ต้องยกให้ Final Fantasy (ออกคราวแรกปี 1987) แล้วก็ที่ออกมาก่อนอย่าง Dragon Quest (ออกหนแรกปี 1986) ซึ่งถ้าหากเอ๋ยถึงเกมข้างหลังก็จะต้องกล่าวว่าด้วยสไตล์ภาพอันเป็นเอกลักษณ์จากลายเส้นของ อาจารย์โทริยามะ อากิระ ผู้โด่งดังจากมังงะเรื่อง Dragon Ball ที่มาวางแบบนักแสดงต่างๆให้ Dra gon Quest Your Story (2019)  แล้วก็ความสะดุดตาสำหรับการวางแบบโลกในจินตนาการของ โฮริอิ ยูจิ ตั้งแต่ภาคแรกมาก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ตัวเกมเด่นรวมทั้งเป็นที่จำได้ โดยเฉพาะเรื่องของ ผู้กล้า มนตร์ ภูติผี แม่มด และภูติผีประจำเกมอย่าง สไลม์ นั่นเอง ความพิเศษของมันก็ทำให้ตัวเกมถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสื่อต่างๆทั้งยัง นิยาย มังงะ และแอนิเมชันด้วย

สำหรับตัวแอนิเมชันนั้นเคยมีการสร้างออกมาเป็น โทรทัศน์ซีรีส์ 2 ครั้ง

เป็นฉบับที่ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขจากตัวเกมภาค 3 กับอีกทีเป็นการต่อยอดจากฉบับมังงะที่ใช้เกมเป็นแรงบันดาลใจอย่าง Dragon Quest: Dai’s Great Adventure ที่คนประเทศไทยน่าจะรู้จักดีในชื่อ ได ตะลุยแดนเวทมนตร์คาถา ส่วนฉบับหนังโรงก็มีการทำออกมาในปี 1996 ในชื่อ Dragon Quest Saga – The Crest of Roto รวมทั้งหลังจากนั้นก็พูดได้ว่าห่างหายจากคอแอนิเมชันไปสิบกว่าปีเลยทีเดียว ครั้นพอเพียงมีการประกาศทำฉบับแอนิเมชัน 3 มิติในชื่อ Dragon Quest: Your Story ออกฉายช่วงสิงหาคมปีที่ผ่านมาในประเทศญี่ปุ่นโดยเอาแรงบันดาลใจจากเกมภาค 5 ซึ่งมีเนื้อเหาที่ดีติดอันดับต้นๆของแฟรนไชส์มาทำ และพอเพียงเน็ตฟลิกซ์คว้าสิทธิ์มาฉายสตรีมไม่งก็ทำให้แฟนเกมและก็แฟนแอนิเมชันนอกประเทศญี่ปุ่นตื่นเต้นอยู่มากทีเดียว

จำต้องสารภาพว่าคะแนนรีวิวจากฝั่งต่างประเทศนั้นออกมาดูไม่ค่อยดีจนกระทั่งเราใจฝ่ออยู่เช่นกัน

(imdb ได้ 6.3/10 ส่วนในญี่ปุ่นออกมาราว 2.1/5) แม้กระนั้นส่วนตัวพอได้มองจนถึงจบแล้วกลับอยู่ในกลุ่มคนที่ชอบหนังมากยิ่งกว่า ทั้งนี้ก็จะต้องว่าไปตั้งแต่เรื่องงานภาพที่คงเอกลักษณ์จาก 2 มิติที่เป็นลายเส้นของโทริยามะ อากิระมาทำเป็น 3 มิติได้อย่างสวยงามมีความละมุนแบบงานแอนิเมชัน 3 มิติญี่ปุ่น (รำลึกถึงงานอย่าง Stand by Me Doraemon

หรือล่าสุดที่น่าดูแบบเดียวกันอย่าง Lupin III – The First ที่กำลังจะเข้าฉายในไทย รวมทั้งอาจเป็นสไตล์เฉพาะของหนัง ยามาซากิ ทาเคชิ ผู้กำกับที่ทำหนังทั้ง 3 ประเด็นนี้ รวมทั้งหนังดังอย่าง Kiseijuu รวมทั้ง Always: Sunset on Third Street) ซึ่งมันทำให้ตัวการ์ตูนแบบประเทศญี่ปุ่นยังมองสวยและไม่จำเป็นต้องฝืนเปลี่ยนให้เป็นอเมริกันมากสักเท่าไรนักแม้กระนั้นก็ได้ความเป็นสากลด้านภาพ

Dragon Quest: Your Storyนี้หนัง Dragon Quest: Your Story นับว่าทำเป็นดีทีเดียว ที่ประทับดวงใจเว้นเสียแต่ติดอยู่แรกเตอร์ดีไซน์ที่ได้อารมณ์ใกล้เดิมแฟนเกมน่าจะมียิ้มแก้มปริในช่วงเวลาที่ได้พบสไลม์ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำแฟรนไชส์ ตลอดจนสาวๆในหนังที่ทำออกมาน่ารักมุ้งมิ้งจริงๆดูแล้วเคลิ้มตามผู้แสดงนำชาย และก็อีกอย่างที่ดีก็คือการสร้างโลกจินตนาการออกมาได้งามมาก เอฟเฟกต์คาถาต่างๆเรียกได้ว่าสวยตื่นตาตึงดวงใจ แถมมีการผสมเทคนิกการนำเสนอไว้หลายแบบทีเดียวทั้งอินโทรด้วยภาพ 8 บิตแบบเกมสมัยเก่า จนกระทั่งมาเป็นงานสามมิติสุดตระการตา ตรงงานภาพนี้ให้คะแนนได้ 10/10 อย่างยิ่งจริงๆ

ส่วนที่มีดราม่ากันมากคงจะมาจากรายละเอียดของหนังนี่ล่ะ

ก็ขอวิจารณ์แบบสายตาผู้ที่มองเป็นหนังเรื่องหนึ่ง มากยิ่งกว่าเป็นหนังจากเกมภาค 5 แล้วกันครับผม ซึ่งช่วงแรกก็สารภาพเลยว่าค่อนข้างจะเฉยๆมากกับเรื่องที่เดินมาตามสูตรผู้กล้าทั่วไปที่มีคำพยากรณ์นั่นนี่ผูกนักแสดงอย่าง ริวกะ ไว้ จนกระทั่งออกจะไม่ชอบเสียด้วยซ้ำว่าเพราะอะไรจะต้องรีบเล่าเสียขนาดนั้น ทำเอาตอนหนึ่งกำเนิดรอยแหว่งในพลอโคนยู่เหมือนกันเมื่อเรื่องข้ามเวลาไปอีก 10 ปี โดยนักแสดงจากเด็กโตขึ้นเป็นหนุ่มแล้วเพิ่งมาคิดหนีออกมาจากรังภูติผี รวมทั้งต่อจากนั้นหนังก็ดำเนินเรื่องแบบฉึบฉับพอเหมาะพอควรจนถึงเริ่มกลับมาลื่นขึ้น

เมื่อ ริวกะ เดินทางมาปราบอสุรกายในเมืองของ เจ้าหญิงฟลอร่า เพื่อนพ้องวัยเด็ก รวมทั้งได้พบกับ เบียนก้า เพื่อนอีกคนที่มาผูกปมรักสามเส้าขึ้น จังหวะของหนังก็เริ่มพอดีขึ้นมา ต่อไปแม้หนังจะมีการกระโดดข้ามเวลาบ้างแม้กระนั้นก็อยู่ในจุดที่รู้เรื่องได้ ในจุดกลุ่มนี้เองที่บางบุคคลจะเห็นว่าหนังเล่าข้ามข้อสำคัญจากเกมต้นฉบับไปมากเกินไป แม้กระนั้นเอาให้แฟร์ก็คือด้วยเวลาจำกัด 103 นาทีของตัวหนัง

ต้องยัดเรื่องราว 3 ชั่วลูกชั่วหลานลงมาตั้งแต่รุ่นบิดาริวกะ-ริวกะ-จนถึงมาถึงรุ่นลูก จะให้ไม่ลดอะไรเลยก็ดูเหมือนจะยากเกินไปล่ะนะ เพียงพอมองในฐานะหนังเรื่องหนึ่งจึงพอเข้าใจได้รวมทั้งอาจแค่หักคะแนนการเล่าเรื่องในช่วงต้น แต่อาจไม่ถึงกลับจะชังตัวหนังได้ ที่สำคัญหนังยังรักษาพลอตที่เยี่ยมๆไว้เช่นว่าไม่มีความสำคัญผู้กล้าในคำพยากรณ์พวกเราก็สามารถสร้างตำนานได้ สมชื่อ Your Story ที่เราสามารถเขียนหน้าประวัติศาสตร์ด้วยตัวเองจริงๆ(และก็ชื่อนี้ก็บิดเป็นอีกความหมายในตอนท้ายของหนังได้เจ๋งมากๆด้วย)

และเมื่อมองไปจนถึงจบเมื่อเฉลยคำตอบพลอตจริงของหนัง ก็เชื่อว่าไม่แปลกที่จะโดนแฟนเกมสาปแช่งเนื่องจากว่าแฟนเกมอาจอยากได้มาดูเพื่อรำลึกระยะเวลานอสตัลเจียในสมัยก่อนครั้งที่เล่นเกมเมื่อตอนปี 1992 แล้วต้องมาเจอการหักมุมของหนังในแบบที่ไม่ตั้งตัวมาก่อนก็คงทำให้ผิดหวังเอามาก แต่ว่าเมื่อดูในฐานะคนดูหนังแล้ว หนังมันอาจหาญ รวมทั้งใช้ข้อเด่นสำหรับการเป็นหนังเล่าหัวใจที่ต้องการติดต่อออกมาได้คมดีทีเดียว อาจจะมีเหวออยู่เช่นเดียวกัน แต่ก็คุ้มมากๆอีกทั้งอธิบายได้ว่าจังหวะที่ไม่ลงตัวในช่วงต้นนั้นเพราะอะไร (ประโยคที่ตัวร้ายกล่าวว่า เวลาจริงผ่านมาไม่กี่ชั่วโมงนั่นล่ะ) ไอ้ที่นึกในใจว่าไม่ชอบทั้งหลายแหล่ก็หายหมด กลายเป็นว่าเป็นอีกหนึ่งแอนิเมชันที่ดีเลยล่ะ ถ้าเกิดผู้ใดกันยังมิได้ดูก็ขอชี้แนะว่าให้วางอดีตหวานกับตัวเกมลงแล้วอิ่มกับการตีความหมายใหม่ของหนัง เป็นอีกเรื่องเล่าไปเลยจะดีกว่ามากมายนั่นล่ะ

Dragon Quest Your Story เป็นการดัดแปลงแก้ไขบทมาจากเกม Dragon Quest V

ที่มีผู้เล่นชอบเรื่องราวมากเป็นอันดับต้นๆของซีรี่ส์ นำไปสู่ความมุ่งมาดสูงมาก และผลก็ออกมาอย่างที่เห็นกันว่าเลอะเทอะแบบสุดๆซึ่งมันมีต้นสายปลายเหตุหลายประเภทเช่น มีการตัดตอนของเรื่องไปหลายตอน จังหวะการใช้เพลงประกอบห่วย รวมทั้งเพียรพยายามแออัดยัดเยียดฉากตลกเข้ามาจำนวนมาก แต่ว่าโน่นเป็นเพียงแต่เนื้อหายิบย่อยเพียงแค่นั้นจุดหลักจริงๆก็คือตอนจบของเรื่อง

ที่ผู้แสดงนำสามารถปราบจอมมารลงได้ แต่ว่าพอปราบเสร็จก็ได้กล่าวมาว่าอันที่จริงแล้วอีกทั้งเรื่องของหนังมันคือโลก VR ที่กำลังจะมีใครสักคนเล่นเกมอยู่ แล้วบอสตัวท้ายที่สุดก็ไม่ใช่จอมมาร แม้กระนั้นเป็นเชื้อไวรัสที่ปรากฏขึ้นมาในโลก VR ต่างหากและผู้สร้างไวรัสก็รู้สึกว่าเกมน่ะ “คือความว่างเปล่า” จำต้องทำลายโลก VR นี้ทิ้งซะแล้วเบียงก้ากับลูกชายก็กลายเป็นเพียงแต่ข้อมูลที่สลายไป แต่ว่าพระเอกก็โต้แย้งกลับว่า “เกมน่ะมันงดงามเป็นราวกับโลกอีกโลกหนึ่ง” และต่อสู้ชนะไวรัสตัวนั้น

Dragon Questแล้วเพราะเหตุไรหนังเรื่องนี้ถึงถูกดุ?

ซึ่งตอบกันได้ง่ายๆเลยเนื่องจาก “มันไม่ใช่หนังเรื่อง Dragon Quest V” อย่างไรล่ะ มันเป็นหนังของคนใดกันแน่ก็ไม่ทราบที่กำลังเล่นเกมอยู่ แม้ว่าทำเนื้อเรื่องตรงตามเกมไปก็ไม่มีปัญหาแล้วส่วนต้นสายปลายเหตุที่เพราะเหตุใดถึงใส่ฉากสุดท้ายไปอย่างนั้น ก็มีผู้พินิจพิจารณาออกมาว่าทางผู้สร้างต้องการจะส่งข้อความกล่าวว่า “การเล่นเกมก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย” แล้วก็นี่คือต้นสายปลายเหตุหลักข้อที่สองที่ทำให้หนังเรื่องนี้ถูกดุด่าจริงอยู่ที่เกมเมอร์คงจะเคยถูกบ่นว่า “เล่นเกมไปเสียเวลาเปล่า” “เล่นเกมไปมันจะได้อะไร” Dragon Quest Your Story (2019) ซึ่งคณะทำงานผู้ผลิตได้อุตสาหะที่จะสื่อโดยเปรียบกับไวรัสเป็นราวกับ

“สังคมที่ไม่ยอมรับการเล่นเกม” แล้วให้พระเอกเป็นผู้แทนของเกมเมอร์เอาชนะมันไปรวมทั้งนี่แหละเป็นสิ่งที่เกมเมอร์รังเกียจ เพราะพวกเขามิได้อยากได้คำชมเชยจากผู้ผลิตหนัง พวกเขาแค่อยากจะดู Dragon Quest V แล้วก็สนุกไปกับการเสี่ยงอันตรายแค่นั้นซึ่งคนที่ถูกใจเล่นเกมก็รู้ดีว่าการเล่นเกมมันก็เป็นอย่างกับการฆ่าเวลา แม้กระนั้นด้วยเหตุว่ามันสนุกสนานนี่แหละถึงได้เล่นกัน รวมทั้งการเล่นเกมมันจะดีหรือไม่ดี มันคือเรื่องของอดีตกาลที่พวกเขาคิดได้กันตั้งแต่ชาติที่ผ่านมาแล้ว

เป็นการแปลมาจาก IGN เวอร์ชั่นภาษาประเทศญี่ปุ่น

จากหนังหัวข้อนี้ทำให้เดาได้ว่าคณะทำงานผู้ผลิตตามช่วงไม่ทัน แล้วก็เพียงพอขึ้นปัจจุบันพึ่งจะมาคิดได้ว่า “เอ๊ะ เกมมันก็มิได้เลวทรามอะไรรึเปล่านะ?” ก็เลยสร้างภาพยนตร์หัวข้อนี้ขึ้นมา และอุตสาหะที่จะส่งข้อความนี้เป็นของขวัญไปให้กับเหล่าเกมเมอร์เพื่อกล่าวว่า “เกมมันก็ดีแล้วนะ”แต่สำหรับเกมเมอร์แล้วมันไม่ใช่ของขวัญแม้กระนั้น “มันเป็นเพียงแค่ขยะที่เน่าไปแล้ว” ซึ่งไอ้ขยะชิ้นนี้หากส่งให้ราวซัก 30 ปีที่ผ่านมามันบางทีก็อาจจะโอเค แต่ว่ามันไม่โอเคในขณะนี้

Dragon Questแล้วถ้าเกิดไม่รู้ Dragon Quest V มาก่อนเลยจะมองสนุกหรือเปล่า?คำตอบคือไม่สนุกเพราะว่ามีการผ่านฉากตัดทอนเนื้อหาไปหลายฉาก ถ้าเกิดไม่ได้เล่นเกมมาก่อนตามเนื้อเรื่องกันไม่ทันแน่ๆ แต่ถ้าเกิดผู้ใดที่เล่นเกมมาแล้วชอบ Dragon Quest V มากมายก็จะเกิดอาการตามใจความด้านบน

ไม่ใช่หนังยัวเนมภาคใหม่ แต่ว่าเป็นหนังจากเกม RPG

ได้รับความนิยมของประเทศญี่ปุ่น Dragon Quest: Your Story ชื่อคล้ายกันแต่คนละเรื่อง โดยภาพยนตร์นี้สร้างขึ้นโดยอิงเรื่องราวจากเกม Dragon Quest V: Hand of the Heavenly Bride เรื่องราวของตัวนำที่ออกเดินทางเสี่ยงอันตรายไปทั่วโลกกับบิดาตั้งแต่วัยเด็ก แล้วก็ได้รู้จะกับผู้คนล้นหลาม รวมทั้งนางเอกที่จะมาเป็นว่าที่เจ้าสาวของเขาในอนาคตด้วย แต่ว่าเขาจะเลือกผู้ใดเป็นคู่สามีภรรยากันแน่ซึ่งเรื่องราวภาคนี้แปลกตรงที่ผู้แสดงนำไม่ใช่ผู้กล้าเช่นเดียวกับเกม Dragon Quest ภาคอื่นๆแต่เจ้าสาวของเขาต่างหากที่มีเชื้อสายผู้กล้า ด้วยเหตุนี้การแต่งงานคราวนี้จึงเป็นเหตุการณ์สำคัญต่อการกอบกู้โลก

https://pubbellyboys.com/